จากข้อมูลสมาคมโรคตับแห่งประเทศไทย ระบุว่า อุบัติการณ์ของผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบบีของประเทศไทยในปัจจุบันสูงถึงร้อยละ 3-10 ของจำนวนประชากร แม้ว่าในปัจจุบันจะมีการฉีดวัคซีนป้องกันตั้งแต่เด็กในวัยแรกคลอดแล้วก็ตาม แต่จำนวนผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบบีก็ยังมีจำนวนสูงอยู่
เนื่องจากวัคซีนอาจไม่สามารถป้องกันโรคได้ 100% เนื่องมาจากปัญหาระบบการขนส่งวัคซีนที่มีหลายต่อหลายทอด เกิดปัญหาห่วงโซ่ความเย็น หรืออุณหภูมิในการเก็บวัคซีนไม่คงที่ ทำให้คุณภาพของวัคซีนเสื่อมลงไป และภูมิคุ้มกันในเด็กเอง อาจจะไม่
โดย รศ.นพ.ศตวรรษ ทองสวัสดิ์ เลขาธิการสมาคมโรคตับแห่งประเทศไทย และ หัวหน้าหน่วยระบบทางเดินอาหาร ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัญหาสำคัญของโรคไวรัสตับอักเสบบีก็คือ คนไทยส่วนใหญ่มักจะละเลยและคิดว่าโรคไวรัสตับอักเสบบีเป็นโรคที่ไม่อันตราย จึงไม่คิดที่จะตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบี ทั้งที่ความจริงแล้วไวรัสตับอักเสบบีเป็นโรคที่ติดต่อกันง่าย เพราะติดต่อได้หลายทาง ทั้งทางเลือด เพศสัมพันธ์ ใช้อุปกรณ์ปนเปื้อนเลือดร่วมกัน เช่น กรรไกรตัดเล็บ เข็มฉีดยา แปรงสีฟัน รวมไปถึงอุปกรณ์ในการสัก จากมารดาสู่บุตร และไม่รู้ว่าเป็นพาหะหากไม่ตรวจเลือด ซึ่งโรคจะไม่แสดงอาการใดๆ จนกว่าการดำเนินโรคจะรุนแรงสู่โรคมะเร็งตับ โรคตับวาย รวมถึงตับแข็ง ที่สำคัญโรคไวรัสตับอักเสบบีนี้ยังสามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้เช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีการติดเชื้อในกลุ่มเด็กๆ ด้วยกันเอง ที่อยู่ตามเนอร์สเซอรี่ รวมถึงสัมผัสในหมู่ญาติด้วย
ส่วนทางด้าน วิฑูรย์ วงศ์หาญกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไบโอเนทเอเชีย จำกัด กล่าวว่า บริษัทดำเนินธุรกิจด้านเทคโนโลยีชีวภาพ ที่เน้นการวิจัย พัฒนาและผลิต และกระจายวัคซีน ได้ซื้อเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ บี ที่มีเป้าหมายสูงสุดในการผลิตวัคซีนชนิดนี้ในประเทศไทย
“เราได้ตัดสินใจซื้อเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบี เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของนโยบายรัฐที่ให้ความสำคัญในการผลิตวัคซีนชนิดนี้ในประเทศ ซึ่งโครงการนี้ นอกจากจะเป็นก้าวสำคัญของบริษัทแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อประเทศด้วยเนื่องจากวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบีนี้ได้จัดอยู่ในแผนสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคแห่งชาติ ทั้งนี้มีหลายหน่วยงานได้ดำเนินการวิจัยเพื่อผลิตวัคซีนชนิดนี้ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการผลิตในประเทศไทยเลย ดังนั้นเราจึงได้ให้ความสำคัญสูงสุดสำหรับโครงการผลิตวัคซีนชนิดนี้ โดยในช่วงนี้ทางบริษัทได้ส่งทีมนักวิจัยไปฝึกอบรมที่ทวีปยุโรป ขณะเดียวกันกำลังประเมินหาสถานที่ต่างๆ ในประเทศไทย เพื่อพัฒนาการผลิตวัคซีน batch แรกในครึ่งปีหลังนี้”
อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้ย่อท้อ แต่จะพยายามชี้แจงต่อหน่วยงานราชการและองค์กรที่เกี่ยวข้อง ถึงความสำคัญในการให้การสนับสนุนการวิจัยและผลิตวัคซีนจากต้นน้ำในประเทศ โดยตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและหน่วยงานวิจัยต่างๆ เกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนาวัคซีน ซึ่งหน่วยงานนั้นๆ ก็ได้ริเริ่มที่จะสร้างเสริมองค์ความรู้ด้านวัคซีนในประเทศไทย และในประเทศอื่นๆ การพึ่งตนเองด้านวัคซีนนี้จัดเป็นส่วนหนึ่งของความมั่นคงของชาติ ดังนั้นประเทศไทยของเราไม่ควรล้าหลัง ในขณะที่ทศวรรษนี้ได้ถูกประกาศให้เป็นทศวรรษแห่งการวิจัย พัฒนาและกระจายวัคซีนของโลก
นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับสิทธิบัตรชั่วคราวสำหรับเชื้อแบคทีเรีย pertussis ที่ดัดแปลงพันธุกรรม ซึ่งเทคโนโลยีนี้ได้รับความสนใจจากบริษัทต่างๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น เป็นต้น อาจกล่าวได้ว่าบริษัท ไบโอเนทเอเชีย จำกัด น่าจะเป็นบริษัทเดียวในโลกที่สามารถผลิตวัคซีนได้ทั้งวัคซีนป้องกันโรคไอกรน ชนิดไร้เซลล์และวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบี จากเชื้อจุลินทรีย์ดัดแปลงพันธุกรรม
“เราคาดหวังว่าหน่วยงานของรัฐจะให้การสนับสนุนการผลิตวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบี จากเชื้อดัดแปลงพันธุกรรมเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นการส่งสัญญาณที่เข้มแข็งว่าได้เกิดสังคมเทคโนโลยีชีวภาพด้านวัคซีนในประเทศแล้ว และยังเป็นการส่งเสริมให้บริษัทยังคงที่จะพัฒนาโครงการวิจัยวัคซีนชนิดอื่นๆ ต่อไป เช่น วัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก รวมทั้งการนำเข้าทั้งด้านความเชี่ยวชาญองค์ความรู้ และเทคโนโลยีมาสู่ประเทศไทยต่อไป”
ที่มา : สยามธุรกิจฉบับวันที่ 2 - 5 มิ.ย. 2555
- 60 views