นายแพทย์เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.บางกอก เชนฮอสปิทอล (KH) ผู้บริหารกลุ่มรพ.เกษมราษฎร์เปิดเผยว่า บริษัทได้รับผลบวกจากนโยบายป่วยฉุกเฉินของรัฐบาลจาก 3 กองทุนประกันสุขภาพ ที่เริ่มประกาศใช้ 1 เมษายน 2555 เป็นต้นไป ซึ่งครอบคลุมกองทุนสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ กรมบัญชีกลาง กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนประกันสังคม ภายใต้นโยบาย "เจ็บป่วยฉุกเฉินทุกเวลา รักษาทั่วถึงทุกคน" ซึ่งจะสามารถเข้าได้ทุกโรงพยาบาลนอกจากนี้ยังครอบคลุมไปถึงโรคอื่น ๆ อาทิ ไต เอดส์ มะเร็ง เป็นต้น
โดยหุ้น KH จะได้รับผลบวก เพราะฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นระดับกลาง อาทิ กลุ่มข้าราชการ ประกันสังคม โดยเฉพาะฐานลูกค้าประกันสังคมที่เพิ่มขึ้นชัดเจนในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ประมาณ 3 หมื่นคน เพิ่มมาเป็น 5.7 แสนคน จากปลายปีที่ 5.4 แสนคน นอกจากนี้ KH ยังเป็นศูนย์รับส่งตัวผู้ป่วยฉุกเฉิน ทำให้มีโอกาสรับผู้ป่วยระดับกลางได้มากขึ้น ส่งผลให้รายได้รวมในไตรมาส 1/55 มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 10% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 558 ล้านบาท ทั้งจากมาตรการ 3 กองทุนของรัฐบาล และการฟื้นตัวของกลุ่มลูกค้าเงินสดที่เพิ่มขึ้นหลังจากน้ำท่วม
ส่วนผลดำเนินงานปีนี้ บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไม่ต่ำกว่า 10% เทียบกับปี 2554 ที่มีรายได้รวม 3,991 ล้านบาท ทั้งจากการทยอยรับรู้รายได้จากโรงพยาบาลแห่งใหม่ที่แจ้งวัฒนะ "The World Medical Center" ในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่การลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 23% จะมีนัยสำคัญต่อการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิในปีนี้ โดยเฉพาะอัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) คาดจะสูงกว่าปีก่อนที่เฉลี่ย 38%
ด้านนายชัยสิทธิ์ วิริยะเมตตากุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.โรงพยาบาลวิภาวดี (VIBHA) เปิดเผยถึงทิศทางผลดำเนินงานปีนี้ว่า รายได้รวมจะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 15% เทียบกับปี 2554 ที่มี 1,633 ล้านบาท จากฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะฐานลูกค้าจากกลุ่มข้าราชการ กลุ่มประกันสังคม รวมถึงการจ่ายภาษีนิติบุคคลที่ลดลงจะช่วยด้านต้นทุนต่าง ๆ ของโรงพยาบาลลดลง
"นโยบาย 3 กองทุนก็มีข้อจำกัดด้านค่ารักษาบ้าง ถึงแม้จะไม่จำกัดผู้ป่วยก็ตาม คนไข้จะต้องเลือกโรงพยาบาลเพื่อให้ครอบคลุมค่ารักษามากที่สุด ส่วนทิศทางไตรมาสแรกคาดรายได้เติบโตราว 5-10% จากช่วงไตรมาสเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 364 ล้านบาท" นายชัยสิทธิ์กล่าว
ด้านนายกวี มานิตศุภวงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส คาดการณ์ว่า โรงพยาบาลที่จะได้รับผลบวกจาก 3 กองทุนมากที่สุดคือ KH เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นระดับกลาง ซึ่งครอบคลุมทั้งผู้มีรายได้น้อยที่ใช้จ่ายผ่านประกันสังคมและราชการ ทำให้มีโอกาสได้รับผลบวกจากนโยบายรัฐมากกว่าโรงพยาบาลอื่น ๆ เมื่อเทียบกับ BGH หรือ BH, VIBHA ที่ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นระดับกลางขึ้นไป ส่วน BH มีแนวโน้มผลดำเนินงานในไตรมาสแรกจะเติบโตดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากฐานลูกค้าเงินสดกลับมาใช้บริการปกติหลังจากลดหายไปเมื่อช่วงปลายปีก่อน
สำหรับคาดการณ์กำไรของกลุ่มโรงพยาบาลในปีนี้ ทั้ง KH, BGH และ BH ยังมีกำไรเติบโตต่อเนื่อง ส่วนราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมามีแรงเก็งกำไรในกลุ่มนี้ค่อนข้างสูง ทำให้ราคาปรับขึ้นมาใกล้เคียงกับราคาเป้าหมายและบางตัวเกินราคาเป้าหมายแล้ว ด้าน บล.ธนชาต (ประเทศไทย) แนะนำ "ซื้อ" KH ให้ราคาเป้าหมาย 9 บาท BH ราคาเป้าหมาย 61 บาท และ BGH ราคาเป้าหมาย 113 บาท
ที่มา : นสพ.ประชาชาติธุรกิจฉบับวันที่ 7 - 9 พ.ค. 2555
- 6 views