คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ปรับหลักสูตรและระบบการประเมินผลใหม่ เริ่มปี 2568 ใช้เกณฑ์ผ่าน ไม่ผ่าน แทนเกรด แต่คงเกียรตินิยมเอาไว้ หวังลดเปรียบเทียบแข่งขัน ทำงานเป็นทีมมากขึ้น ไม่ใช้เกรดเป็นตัวกระตุ้น ส่งเสริมมีสุขภาวะที่ดี ลดความเครียด
เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ที่ห้องประชุม 910B ชั้น 9 อาคารเรียนและปฏิบัติการรวมด้านการแพทย์และโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล จัดงานแถลงข่าว รามาธิบดีกับระบบประเมินผลสำหรับนักศึกษาแพทย์รุ่นใหม่ (Ramathibodi and the Reform of Assessment for the Next Generation Medical Students) โดยปรับเปลี่ยนเกณฑ์การนำเสนอผลการเรียนการสอนในรายวิชาของหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีและสถาบันร่วมผลิต โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ในการปรับหลักสูตรและระบบการประเมินผลใหม่เริ่มใช้ในนักศึกษาที่เข้าเรียนในปีการศึกษา 2568 เป็นต้นไป โดยยกเลิกการประเมินแบบมีแต้มประจำคือ A-F หรือ เกรด 0-4 เปลี่ยนเป็นการประเมินแบบไม่มีแต้มประจำ ซึ่งใช้สัญลักษณ์ S-Satisfactory (พอใจหรือผ่าน) / U-Unsatisfactory (ไม่พอใจหรือตก) แต่ยังคงให้มีเกียรตินิยมอันดับ 1 และ 2 ตามการประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ที่หลักสูตรได้กำหนดไว้
ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดกว้างให้อาจารย์และนักศึกษาแพทย์ แลกเปลี่ยนความคิดโดยให้เกียรติซึ่งกันและกัน ช่วยส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนมุ่งเน้นกระบวนการคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา และส่งเสริมการทำประโยชน์สู่ชุมชนและสังคม โดยมีนักศึกษาแพทย์เป็นแกนหลักในกิจกรรมต่าง ๆ
สำหรับหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตในปัจจุบันมีการจัดการศึกษาด้วยปรัชญาการศึกษา แบบ Outcome-based Education จัดการศึกษาที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนโดยใช้การเรียนรู้เป็นศูนย์กลาง เพื่อให้ผู้เรียนสามารถสร้างเสริมความรู้ ความสามารถและทักษะใหม่ได้ด้วยตนเอง และมีสมรรถนะของการเป็นแพทย์ที่มีมาตรฐานวิชาชีพและเป็น change agent
ในปีการศึกษา 2568 คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ปรับระบบการประเมินผล โดยยกเลิกเกรด A-F และแต้ม 0-4 ที่เรียกว่าการประเมินแบบมีแต้มประจำ เป็นการรายงานผลการประเมินในแต่ละรายวิชาเป็น พอใจ (Satisfactory) ไม่พอใจ (Unsatisfactory) S/U หรือระบบการประเมินแบบไม่มีแต้มประจำ นักศึกษาแพทย์ที่สอบผ่านได้ตามมาตรฐานของรายวิชา ไม่ว่าจะด้วยคะแนนเท่าไหร่ จะได้รับผลการเรียนเป็น พอใจ (Satisfactory) นักศึกษาแพทย์ที่ไม่ผ่านมาตรฐานรายวิชาจะได้รับไม่พอใจ (Unsatisfactory) โดยมีเป้าหมายหลักในการปรับการประเมินผลและประเมินสมรรถนะผู้เรียนแบบใหม่นี้ เพื่อ
1) ประเมินทุกสมรรถนะของผู้เรียนในหลักสูตร Outcome-based education ได้เท่าเทียมมากขึ้นทั้งความรู้ ทักษะ เจตคติ ความเป็นผู้นำ การทำงานเป็นทีมและสมรรถนะอื่น ๆ ที่หลากหลาย
2) ส่งเสริมการประเมินเพื่อการเรียนรู้และพัฒนา นอกเหนือไปจากการประเมินเพื่อตัดสิน
3) ลดเปรียบเทียบแข่งขันกัน ส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกัน ช่วยเหลือและทำงานเป็นทีมมากขึ้น
4) ส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเองตลอดชีวิต ร่วมกับระบบอาจารย์ที่ปรึกษา
5) ฝึกการสร้างแรงจูงใจในการเรียนโดยไม่ได้ใช้เกรดเป็นตัวกระตุ้น
6) ส่งเสริมการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับความต้องการของนักศึกษาแต่ละคน
7) ส่งเสริม well-being ที่ดีขึ้น
การปรับการประเมินผลแบบใหม่นี้ เพื่อให้คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศในการผลิตบัณฑิตแพทย์ได้แพทย์ที่มีมาตรฐานวิชาชีพ และมีความรู้ความสามารถทันสมัยรอบด้าน ตรงกับความต้องการและความสามารถเฉพาะบุคล ที่อาจมีศักยภาพแตกต่างหลากหลาย ให้ได้รับการพัฒนาเต็มศักยภาพ เป็นแพทย์มีสุขภาวะที่ดี สร้างการเปลี่ยนแปลงสู่สุขภาวะที่ดีของสังคมโลกต่อไป
ส่งเสริม นศ.แพทย์ ให้มีแผนพัฒนาตนเองรายบุคคล
ด้าน ผศ.พญ.ปองทอง ปูรานิธี รองคณบดีฝ่ายการศึกษาระดับปริญญา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การปรับระบบการประเมินผลใหม่ มีเป้าหมายเพื่อให้นักศึกษาแพทย์ได้ฝึกฝนการมีทักษะรอบด้าน ฝึกทักษะในการเรียนรู้ด้วยตนเองต่อเนื่องตลอดชีวิตโดยไม่ต้องมีเกรด มีสุขภาวะที่ดีขึ้น ลดความเครียด และส่งเสริมการเรียนและทำงานร่วมกันเป็นทีม
กระบวนการที่นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ เป็นหนึ่งในแผนพัฒนาระบบการประเมินผลให้มีหลักการแบบ Programmatic assessment นำมาประยุกต์ใช้ ซึ่งใช้ในสถาบันชั้นนำสากล ซึ่งริเริ่มแผนตั้งแต่ในสมัยผู้บริหารวาระที่ผ่านมา และได้ทำการพัฒนาระบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ทางคณะแพทย์ได้มีการทำประชาพิจารณ์ รับฟังความเห็นจากคณาจารย์ ผู้บริหาร นักศึกษาและบุคลากร เจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งทางคณะผู้บริหารคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มีมติรับรองการเปลี่ยนแปลงระบบประเมินผลแบบใหม่ เนื่องจากเป็นประโยชน์ในระยะยาวต่อนักศึกษาที่จะเป็นแพทย์ในอนาคต และได้รับการรับรองจากสภามหาวิทยาลัย ผ่านข้อบังคับมหาวิทยาลัยมหิดลว่าด้วยการศึกษาระดับอนุปริญญาและปริญญารี พ.ศ.2567 รายละเอียดของการประเมินผลแบบใหม่ มีดังนี้
การยกเลิกเกรด A-Fหรือ 0-4 หรือแบบมีแต้มประจำ เปลี่ยนเป็นแบบ S/U จะมีผลใช้ในนักศึกษารหัส 68 ที่จะรับเข้าเริ่มการศึกษาในปี 2568 ในชั้นปี 1 และจะมีผลต่อเนื่องเมื่อนักศึกษาศึกษาในชั้นปีต่อไป ตลอดหลักสูตร 6 ปี และยังคงมีเกียรตินิยมอันดับ 1 และ 2 โดยนักศึกษาที่มีผลการประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ 7 ด้านตลอดหลักสูตร อยู่ในเกณฑ์ดีมากจะได้รับเกียรตินิยมอันดับ 2 และ ผลการประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ 7 ด้านตลอดหลักสูตร อยู่ในเกณฑ์ดีเลิศจะได้รับเกียรตินิยมอันดับ 1
ทั้งนี้ ต้องไม่มีรายวิชาใดได้ U มีระยะเวลาเรียนไม่เกินระยะเวลาเรียนปกติ สอบผ่านตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด และจะต้องมีความประพฤติเหมาะสมแก่ศักดิ์ศรีแห่งปริญญาด้วย
"การยกเลิกเกรด จะแยกคนที่เรียนเก่ง เรียนอ่อนได้หรือไม่อย่างไรนั้น ได้มีการจัดทำระบบการติดตามความก้าวหน้าของนักศึกษา โดยนักศึกษาและอาจารย์ที่ปรึกษา สามารถเข้าดูความก้าวหน้าของสมรรถนะของนักศึกษาแพทย์ได้ โดยมีข้อมูลป้อนกลับที่มีรายละเอียดมากกว่าเกรด A-F ในแต่ละรายวิชา รวมทั้งรวบรวมผลงานกิจกรรมนอกหลักสูตร กิจกรรมจิตอาสา รางวัล งานวิจัยต่าง ๆ ซึ่งอาจารย์ที่ปรึกษาจะช่วยให้นักศึกษาฝึกสะท้อนคิดการเรียนรู้ของตนเอง และวางแผนพัฒนาตนเอง ภายใต้คำแนะนำของอาจารย์ ไม่ได้ต้องการแยกคนเรียนเก่งหรืออ่อน แต่ต้องการให้นักศึกษามีแผนพัฒนาตนเองรายบุคคล เพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคลมีความแตกต่างหลากหลาย" ผศ.พญ.ปองทอง กล่าว
การเปลี่ยนระบบประเมินจะมีผลต่อนักศึกษาแพทย์ในการสมัครเรียนต่อได้หรือไม่ เนื่องจากคณะฯ วางแผนเก็บข้อมูลผลการสอบ การประเมินสมรรถนะต่าง ๆ กิจกรรมเสริมในและนอกหลักสูตร ผลงานของนักศึกษา และวิชาที่นักศึกษาแพทย์เรียนเสริม เพิ่มศักยภาพ ข้อมูลเหล่านี้สามารถบ่งบอกตัวตน ประสบการณ์และสมรรถนะของนักศึกษาได้ โดยมีรายละเอียดที่ดีกว่าเกรด A-F จึงช่วยเป็นข้อมูลให้สถาบันฝึกอบรมสามารถพิจารณาคัดเลือกนักศึกษาต่อไปได้
หากสอบตก นักศึกษามีโอกาสสอบแก้ตัวได้ 1 ครั้งหรือตามแต่ที่ประกาศคณะฯกำหนด หากยังสอบแก้ตัวไม่ผ่าน จะได้สัญลักษณ์ U นักศึกษาจะได้รับการประเมินว่าต้องการความช่วยเหลือด้านใน ซึ่งทางคณะฯมีระบบให้ความช่วยเหลือทั้งทางด้านการศึกษาและทางจิตใจ นักศึกษาสามารถลงทะเบียนเรียนซ้ำได้อีก 2 ครั้ง หากยังได้ U อาจมีผลพ้นสภาพตามข้อบังคับมหาวิทยาลัย
หลักสูตรปรับปรุงปี 2568 รองรับกรณีที่นักศึกษาที่ไม่สามารถสำเร็จการศึกษาได้ตามเกณฑ์การสำเร็จการศึกษาของหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต แต่เรียนครบสอบผ่านอย่างน้อย 4 ปีตามเงื่อนไข นักศึกษาสามารถขอรับปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์การแพทย์ หรือ วท.บ. (วิทยาศาสตร์การแพทย์) ได้ เมื่อครบตามเงื่อนไขที่หลักสูตรกำหนดไว้ ซึ่งแตกต่างจากหลักสูตรปัจจุบัน การประเมินผลแบบ S/U จะมีการสอบ การวัดและประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ทั้ง 7 ด้าน โดยเน้นให้ทุกการสอบมีความหมาย มีข้อมูลนำไปพัฒนาตนเองต่อได้ และให้โอกาสได้รับการพัฒนาและประเมินใหม่เป็นระยะ จำนวนครั้งในการสอบอาจไม่ได้ลดลง แต่ความเครียดจากการสอบตกจะลดลง เพราะนักศึกษาจะมีโอกาสเก็บคะแนนและสอบแก้ตัวได้มากขึ้น ลดความเครียดจากการแข่งขัน เปรียบเทียบกันเพื่อให้ได้เกรดสูงกว่าจะลดลง
- 644 views