สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) กรมการแพทย์ เตือนภัยใช้ “ยาทรามาดอล” หรือ “ยาเขียวเหลือง” ต้องแพทย์สั่งเทานั้น  หากใช้ในทางที่ผิด อาจทำให้เกิดการเสพติดได้เช่นเดียวกับ ฝิ่น เฮโรอีน ผลร้ายถึงเสียชีวิต 

 

นพ.ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า “ทรามาดอล (Tramadol)” หรือที่รู้จักกันว่า“ยาเขียวเหลือง” เป็นยาแก้ปวดในกลุ่มโอพิออยด์ ออกฤทธิ์เหมือนมอร์ฟีน มีทั้งแบบยาเม็ดและยาแคปซูลในทางการแพทย์ใช้รักษาอาการปวดระดับปานกลางถึงระดับรุนแรง โดยแพทย์จะพิจารณาให้ยาในปริมาณที่เหมาะสมและใช้ในระยะเวลาสั้นเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้

ปัญหาคือ พบการลักลอบจำหน่ายตามช่องทางสังคมออนไลน์ (Social Media) เพี่อให้กลุ่มวัยรุ่นบางกลุ่มนำไปใช้ในทางที่ผิด ทั้งการใช้เสพแบบยาเดี่ยวและผสมกับเครื่องดื่มชนิดต่างๆ เช่น น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ ซึ่งทำให้เกิดอาการเคลิ้มสุขและหากใช้อย่างต่อเนื่อง ทำให้มีความต้องการปริมาณยาที่เพิ่มมากขึ้นยาทรามาดอล เกิดการเสพติดได้ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เช่นเดียวกับ ฝิ่น เฮโรอีน

“หากได้รับเป็นเวลานานและหยุดยาทันทีจะเกิดอาการถอนยาได้ ในปัจจุบันจึงมีการปรับสถานะของยาทรามาดอล จากเดิมเป็นยาอันตรายปรับให้เป็นยาควบคุมพิเศษ ซึ่งต้องจำหน่ายตามใบสั่งแพทย์เท่านั้นและห้ามจำหน่ายให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 17 ปี ในทุกกรณี” รองอธิบดีกรมการแพทย์กล่าว

อาการข้างเคียง “ยาทรามาดอล”

ด้าน นพ.สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลข้างเคียงจากการใช้ ยาทรามาดอล  เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก มือสั่น ใจสั่น ความดันโลหิตต่ำ มึนงง ง่วงซึม หากใช้ในปริมาณมากอาจเกิดประสาทหลอน ชักและนำไปสู่การเสียชีวิตได้ นอกจากนี้ ยังพบอาการกล้ามเนื้อเกร็งกระตุกร่วมกับความดันโลหิตสูง ภาวะลิ่มเลือดกระจายในหลอดเลือด ไตวายเฉียบพลัน หากมีการใช้ร่วมกับยาเสพติดชนิดอื่นโดยเฉพาะยาอี ยาบ้า จะยิ่งเสริมฤทธิ์ทำให้เกิดอาการข้างเคียงเพิ่มขึ้น

ขอย้ำเตือนกลุ่มวัยรุ่นที่นำ “ยาทรามาดอล” ไปใช้ในทางที่ผิดให้ตระหนักถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับตนเองให้มาก ซึ่งร้ายแรงที่สุดอาจทำให้เสียชีวิตได้  ผู้ปกครองควรหมั่นสังเกตพฤติกรรมของบุตรหลานหรือคนใกล้ชิด หากพบมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น มีการใช้จ่ายเงินมากขึ้นผิดปกติ พบสิ่งของต้องสงสัย ต้องรีบเข้าไปพูดคุย บอกกล่าวถึงผลเสียต่อสุขภาพรวมถึงอันตรายที่จะตามมา

ทั้งนี้ สามารถขอรับคำปรึกษาเรื่องยาและสารเสพติด ได้ที่สายด่วนบำบัดยาเสพติด 1165 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.pmnidat.go.th หรือเข้ารับการบำบัดรักษาสุราและยาเสพติดได้ที่ สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) กรมการแพทย์ จังหวัดปทุมธานี และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ในส่วนภูมิภาคทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลธัญญารักษ์เชียงใหม่ โรงพยาบาลธัญญารักษ์แม่ฮ่องสอน โรงพยาบาลธัญญารักษ์ขอนแก่น โรงพยาบาลธัญญารักษ์อุดรธานี โรงพยาบาลธัญญารักษ์สงขลา และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ปัตตานี หรือโรงพยาบาลของรัฐทุกแห่ง