ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สธ.เผยคนไทยมีปัญหาสุขภาพช่องปาก 53% ฟันผุ ยังไม่ได้รับการรักษา ร่วมจัดแคมเปญ “ยิ้มคนไทย ไร้ฟันผุ” ย้ำความสำคัญดูแลช่องปาก ใช้สูตร 2-2-2 แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ครั้งละ 2 นาทีขึ้นไป งดรับประทานอาหาร 2 ชั่วโมง หลังแปรงฟัน แนะตรวจสุขภาพช่องปากกับทันตแพทย์เป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง  

เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ดร.นพ.ปองพล วรปาณิ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การมีสุขภาพช่องปากที่ดีเป็นปัจจัยสำคัญสู่การมีสุขภาพที่ดีในทุกช่วงวัย และมีความจำเป็นอย่างมากต่อการดำรงชีวิต เพราะนอกจากจะใช้บดเคี้ยวอาหารแล้ว ยังสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน 

จากรายงานผลสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากแห่งชาติ ปี 2566 พบว่า คนไทยมีปัญหาสุขภาพช่องปากเป็นจำนวนมาก โดยผู้ใหญ่ร้อยละ 53 ฟันผุและยังไม่ได้รับการรักษา ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2560 ถึงร้อยละ 10 สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการแปรงฟันไม่เหมาะสม เช่น แปรงฟันนานน้อยกว่า 2 นาที ไม่ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ และความเข้าใจผิดเกี่ยวกับปริมาณยาสีฟัน รวมทั้งการเข้าถึงบริการทันตกรรมอยู่ในเกณฑ์ต่ำอีกด้วย

ดร.นพ.ปองพล กล่าวต่อไปว่า กรมอนามัย จึงร่วมมือกับบริษัท คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ (ประเทศไทย) จำกัด จัดแคมเปญ “ยิ้มคนไทย ไร้ฟันผุ” เพื่อสร้างความตระหนักให้คนไทยเห็นถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างถูกต้อง ลดปัญหาในช่องปากของคนไทยอย่างยั่งยืน การแปรงฟันด้วยสูตร 2-2-2 คือ

  • แปรงฟันอย่าง น้อยวันละ 2 ครั้ง ตอนเช้าและก่อนนอน
  • ด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ครั้งละ 2 นาทีขึ้นไป
  • งดรับประทานอาหาร 2 ชั่วโมง หลังแปรงฟัน

พร้อมแนะนำให้ตรวจสุขภาพช่องปากกับทันตแพทย์เป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง รวมถึงสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับปริมาณการใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ที่เหมาะสมกับช่วงวัย ได้แก่ ฟันซี่แรก - ต่ำกว่า 3 ปี ใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ 1,000 ppm. หรือเท่าเมล็ดข้าวสาร อายุ 3 – ต่ำกว่า 6 ปี ใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ 1,000 ppm. หรือเท่าเมล็ดข้าวโพด และอายุ 6 ปีขึ้นไป ใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ 1,400 – 1,500 ppm. หรือเท่าความยาวของแปรง โดยในเดือนตุลาคมเป็นเดือนแห่งการรณรงค์ดูแลสุขภาพช่องปากคนไทย รวมทั้ง วันที่ 21 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ ทันตบุคลากรในสถานบริการสาธารณสุขภาครัฐทั่วประเทศ จัดกิจกรรมตรวจสุขภาพช่องปากฟรี เพื่อสร้างรอยยิ้มที่สุขภาพดีให้กับทุกคน

“สำหรับแคมเปญ ยิ้มคนไทย ไร้ฟันผุ นอกจากจะส่งเสริมความรู้พื้นฐานเรื่องสุขภาพช่องปากและเพิ่มความรอบรู้ด้านสุขภาพให้คนไทย ยังสามารถช่วยลดจำนวนผู้ที่มีปัญหาฟันผุ ซึ่งสามารถป้องกันได้ โดยได้รับความร่วมมือผ่านเครือข่ายทันตบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุข จัดบริการตรวจสุขภาพช่องปากฟรี เพื่อให้ประชาชนทราบปัญหาสุขภาพช่องปาก ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก และเข้าถึงบริการทันตกรรมเพิ่มขึ้น ช่วยลดความรุนแรงของปัญหาสุขภาพช่องปาก และลดค่าใช้จ่ายในการรักษา ช่วยลดภาระด้านสาธารณสุขของภาครัฐและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้น” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว

รอฟ กูร์บุช กรรมการผู้จัดการ ศูนย์รวมภูมิภาคอินโดจีน บริษัท คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า คอลเกต ให้ความสำคัญกับการดูแลส่งเสริมสุขภาพช่องปากของคนไทยมาโดยตลอด โดยริเริ่มโครงการฟันสวยยิ้มใส (Bright Smiles, Bright Futures) ซึ่งเป็นโครงการรณรงค์ เพื่ออนาคตเด็กไทยที่ไม่มีฟันผุมาเป็นระยะเวลากว่า 26 ปี โดยให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปากฟรีแก่เด็ก ๆ ทั่วประเทศ และเพื่อต่อยอดความมุ่งมั่นดังกล่าว แคมเปญ “ยิ้มคนไทย ไร้ฟันผุ” จึงเกิดขึ้นเพื่อกระตุ้นให้คนไทยหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพช่องปากอย่างจริงจัง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุก ๆ วัน ผ่านการสื่อสารถึงวิธีการแปรงฟันและใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ในปริมาณที่เหมาะสม โดยบีบเต็มแปรง สำหรับเด็กอายุ มากกว่า 6 ปีขึ้นไป ด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันฟันผุ

สำหรับกิจกรรมหลักของแคมเปญ ยิ้มคนไทย ไร้ฟันผุ ในเดือนตุลาคม จะมุ่งเน้นให้คนไทยเข้าถึงบริการตรวจสุขภาพช่องปากที่ครอบคลุมและทั่วถึง ซึ่งประกอบด้วย เชิญชวนคลินิกทันตกรรมทั่วประเทศกว่า 800 แห่ง ให้บริการตรวจสุขภาพช่องปากฟรี มีการจัดทำและผลิตสื่อความรู้รณรงค์ให้คนไทยดูแลสุขภาพช่องปากที่ถูกต้อง ส่งมอบยาสีฟันคอลเกต รสยอดนิยม ขนาด 20 กรัม ซึ่งผสานแคลเซียม และฟลูออไรด์ ป้องกันฟันผุได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด 77 จังหวัด เพื่อใช้ในการจัดกิจกรรมวันทันตสาธารณสุข แห่งชาติ

“นอกจากนั้น คอลเกตยังจัดเตรียมหน่วยรถทันตกรรมเคลื่อนที่เพื่อลงพื้นที่ตรวจสุขภาพช่องปากฟรี ในชุมชน 5 จังหวัด ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมเดินหน้าให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปากที่ถูกต้อง ผ่านการรณรงค์ โดยอินฟลูเอนเซอร์ และการใช้สื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ บนช่องทางทั้งออนไลน์ออฟไลน์แบบครบวงจร เพื่อกระตุ้นการสื่อสารและสร้างความตระหนักรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนทุกเพศ ทุกวัยอย่างต่อเนื่อง” รอฟ กล่าว