“ธนกฤต” รับเรื่องร้องทุกข์เพจสายไหมต้องรอด กรณี  2 ผู้เสียหายแพ้ยาฉีดรักษาโรค รพ.เอกชน 2 แห่ง กระทบการมองเห็น มีผื่นแพ้ผิวหนัง  ที่ปรึกษารมว.สาธารณสุข ให้รพ.พระนั่งเกล้า รับดูแลจอประสาทตาด่วน! ย้ำการรักษาโดย สธ.ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ขณะที่ สบส.ลงตรวจ รพ.เอกชนทั้งสองแห่ง

 

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 9 กันยายน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พาผู้เสียหาย 2 ราย เข้าร้องเรียนต่อ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กรณีที่ผู้เสียหายได้รับผลกระทบจากการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาล (รพ.) เอกชน 2 แห่ง จนทำให้สูญเสียการมองเห็น มีแผลพังผืดขึ้นตามผิวหนัง โดยมี นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ที่ปรึกษารมว.สาธารณสุข เป็นผู้แทนรับเรื่องร้องเรียน พร้อมทั้ง กองสาธารณสุขฉุกเฉิน และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.)  

นายกองตรี ธนกฤต ให้สัมภาษณ์ว่า ตนในฐานะที่ปรึกษารัฐมนตรีฯ มารับเรื่องจากเพจสายไหมต้องรอด นำผู้เสียหาย 2 รายเข้าร้องเรียนกรณีการแพ้ยา หลังได้รับการรักษาใน รพ.เอกชน  2 แห่ง ซึ่งทั้ง 2 รายเข้ารับการรักษาใน รพ.เอกชนคนละแห่ง ทั้งนี้ กรณีการแพ้ยา จนเกิดปัญหาการมองเห็น ทำให้สงสัยว่า ยาที่นำมาฉีดมีมาตรฐานหรือไม่ และการรักษาเป็นไปตามเวชปฏิบัติด้วยหรือไม่ รวมไปถึงเวชระเบียนได้ลงรายละเอียดการรักษาอย่างไร ขณะที่การช่วยเหลือเยียวยาจะเป็นอย่างไรต่อไป

“ขณะนี้ได้มอบให้ทางรพ.พระนั่งเกล้า ตรวจสายตาของผู้เสียหาย เนื่องจาก  เนื่องจากผู้เสียหายรายแรกนั้น สูญเสียตาข้างซ้าย และตาข้างขวา มองเห็นได้เพียง 30-40% ส่วนผู้เสียหายอีกรายนั้น  มองเห็น 70% จึงต้องให้ทางแพทย์ของกระทรวงฯตรวจสอบจอประสาทตา นอกจากนี้ ทั้ง 2 รายมีแผลพังผืดที่ผิวหนังเหมือนกัน ซึ่งจะมอบให้ทางสถาบันโรคผิวหนังมาดูแล โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) จะลงตรวจรพ.เอกชนภายในวันนี้ และให้ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ตรวจสอบยาที่ใช้ในการฉีดและส่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แจ้งผลให้ทราบต่อไป” นายกองตรี ธนกฤต กล่าว

สธ.รับดูแลไม่เสียค่าใช้จ่าย

ที่ปรึกษารมว.สาธารณสุข กล่าวอีกว่า  สำหรับค่ารักษาพยาบาลผู้เสียหายทั้งสองราย ทางกระทรวงฯ จะไม่มีการเรียกเก็บค่ารักษาใดๆ เนื่องจากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุขกำชับให้ดูแลเรื่องนี้  อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น รพ.เอกชนดังกล่าวต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วย เนื่องจากก่อนเข้าทำการรักษา ผู้เสียหายยังไม่มีอาการดังกล่าว จึงเป็นหลักมนุษยธรรมที่ควรดำเนินการ

ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดี สบส.  กล่าวว่า วันนี้กรมสบส. จะลงพื้นที่ตรวจสอบ รพ.เอกชน ทั้งสองแห่งเพื่อให้เกิดความชัดเจนและเป็นธรรม โดยจะตรวจสอบทั้งเครื่องมือทางการแพทย์ ยาที่ใช้รักษา และมาตรฐานการแพทย์ ส่วนเรื่องการรักษาผลข้างเคียงจากการรักษาพยาบาลของผู้เสียหายนั้น จะไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ขอให้สบายใจได้ว่ารัฐบาลจะดูแลผู้เสียหายอย่างดีที่สุด

ขณะที่นายเอกภพ กล่าวว่า ผู้เสียหายทั้ง 2 ราย ไม่มีเจตนาที่จะมาเอาผิด รพ.เอกชน หรือเอาผิดแพทย์ที่ทำการรักษา เพราะเข้าใจว่าเป็นเหตุการไม่คาดคิด แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วทางผู้เสียหายก็มีความต้องการที่จะรักษาดวงตาและแผลที่ผิวหนัง   รวมถึงอยากให้ทาง รพ.เอกชน ทั้ง 2 แห่ง ได้เข้ามาพูดคุยถึงเรื่องการเยียวยา เพราะตั้งแต่เกิดเหตุขึ้นผู้เสียหายยังไม่ได้รับการติดต่อใด ๆ จากทาง รพ.เอกชน ทั้งสองแห่ง กลายเป็นคนทุพพลภาพ ที่ต้องรักษาตัวเอง

พญ.จันทิรา แก้วสัมฤทธิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการแพทย์ฉุกเฉิน รพ.พระนั่งเกล้า กล่าวว่า สำหรับความเห็นในเบื้องต้นหาก ดูจากลักษณะอาการป่วยขณะนี้สาเหตุสามารถเกิดได้จากยาก็ได้ หรือจากโรค เช่น มะเร็ง หรือการติดเชื้อไวรัส/แบคทีเรีย ซึ่งอาจเกิดได้จากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง โดยต้องมีการสอบสวนและแต่ละบุคคลอาจมีอาการแตกต่างไป โดยที่ผ่านมาก็พบผู้ป่วยในลักษณะเช่นนี้อยู่เรื่อย ๆ