ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เด็กอังกฤษสูบบุหรี่ไฟฟ้าพุ่ง 6 เท่า! วัยรุ่น 11-18 ปี สูบราว 980,000 คน แพทยสมาคมอังกฤษ จี้รัฐออกกฎหมายห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าแต่งกลิ่น แก้ปัญหาระบาดในเด็กและเยาวชน เร่งจัดงบฯ ให้ความรู้ถึงพิษภัย "หมอประกิต" ร้อง รบ.ไทย พิจารณานโยบายควบคุมอย่างรอบคอบ

เมื่อวันที่ 3 กันยายน ศ.พญ.สุวรรณา เรืองกาญจนเศรษฐ์ รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) คณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี  มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยถึงกรณีที่แพทยสมาคมอังกฤษ เตือนว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในคนอายุน้อย เป็นสัญญาณเตือนภัยคุกคามทางสาธารณสุข พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าที่มีกลิ่นหอมทุกชนิด เพื่อแก้ปัญหาการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชน เนื่องจากสำรวจพบว่าอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนใน 10 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 6 เท่า โดยวัยรุ่นอายุ 11-18 ปี สูบบุหรี่ไฟฟ้า 18% หรือ 980,000 คน สาเหตุของการระบาดมาจากบุหรี่ไฟฟ้าที่ใช้แล้วทิ้ง (disposable) ที่วางขายอยู่ทั่วไป โดยบริษัททำบุหรี่ไฟฟ้ารูปร่างเหมือนขนม บรรจุในกล่องที่มีสีสันฉุดฉาด และกลิ่นหอมที่เด็ก ๆ ชอบ วางขายคู่กับช็อกโกแลตและขนมเด็กรสผลไม้ เป็นการตลาดล่าเหยื่อที่มุ่งเป้าเด็กและวัยรุ่น

“แพทยสมาคมอังกฤษจึงเรียกร้องให้รัฐบาล เร่งออกกฎหมาย ห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าที่มีกลิ่นหอม ห้ามใช้รูปภาพและสีสันบนอุปกรณ์สูบและกล่องบรรจุ ร้านขายต้องไม่ให้คนเห็นบุหรี่ไฟฟ้าที่ขาย และรัฐบาลต้องเร่งจัดงบประมาณสนับสนุนการรณรงค์เร่งให้ความรู้พิษภัยบุหรี่ไฟฟ้า รวมทั้งการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าที่ลักลอบขายอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งอังกฤษห้ามขายบุหรี่ทุกชนิดแก่เด็กที่มีอายุไม่ถึง 18 ปี” ศ.พญ.สุวรรณา กล่าว

ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า อังกฤษเป็นประเทศที่บุหรี่ไฟฟ้าขายได้อย่างถูกกฎหมาย ข่าวจากประเทศอังกฤษชี้ให้เห็นว่า แม้อังกฤษจะเป็นประเทศที่มีความสามารถในการควบคุมยาสูบดีที่สุดในยุโรปและในโลก ทั้งการบังคับใช้กฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะที่ได้ 10 คะแนนเต็ม การควบคุมบุหรี่หนีภาษี การเก็บภาษีบุหรี่มวนและบุหรี่ยาเส้นที่เกือบเท่ากัน การป้องกันการแทรกแซงนโยบายควบคุมยาสูบโดยบริษัทบุหรี่ และมาตรการอื่น ๆ ตามที่กำหนดโดยอนุสัญญาควบคุมยาสูบ องค์การอนามัยโลก อย่างไรก็ตาม การระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนในอังกฤษ ก็ยังรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแพทยสมาคมต้องออกมาเรียกร้องให้มีการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันเด็กและเยาวชนจากพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า

ศ.นพ.ประกิต กล่าวต่อว่า สหพันธ์องค์กรต่อต้านวัณโรคและโรคปอดนานาชาติ ได้ออกข้อแนะนำตั้งแต่ปี ค.ศ.2020 ว่า การห้ามนำเข้า ห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าทุกชนิด เป็นนโยบายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าที่ดีที่สุดสำหรับประเทศรายได้น้อยและปานกลาง เนื่องจากเมื่อพิจารณาในภาพรวมแล้ว บุหรี่ไฟฟ้ามีผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าผลดี ที่สำคัญประเทศเหล่านี้ ขาดความพร้อมในการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าในทุก ๆ ด้าน ทั้งการบังคับใช้กฎหมาย ทรัพยากรในการควบคุมยาสูบ สหพันธ์องค์กรต่อต้านวัณโรคและโรคปอดฯ เน้นว่าอังกฤษมีความสามารถในการกำกับดูแลกฎหมายที่เข้มแข็ง มีสมรรถนะการควบคุมยาสูบที่ยอดเยี่ยมและอยู่ในระยะท้ายของการระบาดของยาสูบ มีสภาพแวดล้อมเฉพาะที่แตกต่างจากประเทศรายได้น้อยและปานกลางส่วนใหญ่ ที่ยังขาดแคลนทั้งทรัพยากรและกลไกในการบังคับใช้กฎหมาย 

“ผมจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยพิจารณาให้รอบคอบ ถึงทางเลือกทางนโยบายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า ที่จะมีข้อเสนอจากคณะกรรมาธิการวิสามัญที่กำลังพิจารณากฎหมายเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า เนื่องจากมีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทบุหรี่ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมาธิการวิสามัญ ซึ่งกฎหมายบุหรี่โลก หรืออนุสัญญาควบคุมยาสูบฯ ห้ามภาคีสมาชิก ตั้งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจยาสูบ เข้าเป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาของคณะกรรมการที่พิจารณานโยบายควบคุมยาสูบ” ศ.นพ.ประกิตกล่าว