ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมการแพทย์ ชี้สิวในผู้สูงอายุ มักเกิดขึ้นบริเวณที่โดนแดดสะสม ใต้ตา-โหนกแก้ม พบได้ 6% ในคนอายุ 50 ปีขึ้นไป รักษาได้ด้วยยาร่วมกับศัลยกรรม แนะใช้ครีมกันแดด หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ช่วยป้องกันได้

เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม นพ.สกานต์ บุนนาค รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า สิวในผู้สูงอายุพบได้บ่อยในเพศชายมากกว่าเพศหญิง และพบบ่อยในคนผิวขาวมากกว่าคนผิวดำ โดยพบประมาณ 6% ของประชากรที่มีอายุมากกว่า 50 ปี แต่ก็มีรายงานว่าสามารถพบในช่วงอายุอื่นได้เช่นกัน 

ในปัจจุบันยังไม่ทราบกลไกการเกิดโรคที่ชัดเจน แต่ปัจจัยสนับสนุนที่เป็นไปได้ ได้แก่ การโดนแสงแดดสะสมเป็นระยะเวลานาน และการสูบบุหรี่จัด โดยเนื้อเยื่อบริเวณผิวหนังรอบๆจะถูกทำลายหรือทำให้เสื่อมจากแสงแดดหรือบุหรี่ ส่งผลให้รูขุมขนขยายออกกว้าง ต่อมไขมันเกิดการฝ่อตัว ร่วมกับมีการอุดตันของแบคทีเรีย เช่น Propionibacterium acnes, Corynebacterium acnes, Staphylococcus albus และยีสต์กลุ่ม Malassezia รวมถึงเส้นขนเล็ก ๆ ในต่อมไขมัน และในรูขุมขน จึงทำให้มีลักษณะคล้ายสิวอุดตัน

พญ.นัทยา วรวุทธินนท์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง สถาบันโรคผิวหนัง กล่าวว่า การรักษาที่ดีที่สุด คือการใช้ยาร่วมกับวิธีการทางศัลยกรรม ได้แก่ 

1.การใช้ยาทา โดยทากรดวิตามินเอเพื่อละลายหัวสิว ซึ่งช่วยในเรื่องการผลัดเซลล์ผิวหนังที่ถูกทำลายจากแสงแดด และการใช้ครีมบำรุงให้ความชุ่มชื้นป้องกันผิวแห้งจากกรดวิตามินเอ 

2.การรับประทานยา ในกลุ่มวิตามินเอ (Isotretinoin) ร่วมกับการทากรดวิตามินเอ พบว่าได้ผลดีแต่ควรพบแพทย์เพื่อตรวจการทำงานของตับและไขมันก่อนเริ่มรับประทานยา และระหว่างการรับประทานยา เนื่องจากอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง คือ การทำงานของตับผิดปกติ และระดับไขมันในเลือดสูง 

3.วิธีการทางศัลยกรรม ได้แก่ การกดสิว, การขูดออก, การตัดออกด้วยวิธีผ่าตัด, การทำเลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เพื่อเปิดชั้นผิวหนังด้านบน และตามด้วยการกดหัวสิวออก  ซึ่งการรักษาจะได้ผลดีมากในคนผิวขาว 

4.ไม่ควรบีบแกะสิว หรือเจาะสิวด้วยตนเอง 

5.ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด และใช้สบู่อ่อนๆหรือคลีนเซอร์ วันละ 2 ครั้ง 

6.อาการของโรคจะดีขึ้นหากได้รับการรักษาที่ถูกต้องและหลีกเลี่ยงปัจจัยการกระตุ้น