สธ.ส่งทีม MCATT ลงพื้นที่ เยียวยาจิตใจ ปชช. เหตุระเบิดอู่ต่อเรือ จ.อยุธยา ยังไม่พบสารเคมีตกค้าง แนะหากมีอาการปวดหู การได้ยินลดลง กังวลใจ ควรพบแพทย์ทันที 

เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม น.ส.ณัฐณิชา บุรณศิริ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากกรณีอู่ต่อเรือแห่งหนึ่งระเบิด ที่อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา 

ในฐานะคนในพื้นที่ ได้มีความห่วงใยเป็นอย่างมาก จึงประสานหน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่อย่างเร่งด่วนแล้ว เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ทั้งการบาดเจ็บ และผลกระทบทางสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นตามมา โดยเฉพาะการตรวจหาสารเคมีตกค้าง ที่อาจส่งผลต่อการดำรงชีวิตของพี่น้องประชาชน

น.ส.ณัฐณิชา กล่าวอีกว่า ตนได้รับทราบจากนายภาณุวัฒน์ ปานเกตุ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 4 ว่า ได้ลงพื้นที่ร่วมกับนายเศกสรรค์ ชวนะดีเลิศ นายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) นายฐาปกรณ์  จิตต์นูน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางปะอิน และนายปิยเมต เอี่ยมโอภาส ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางไทร พบว่า มีผู้เสียชีวิตที่เกิดเหตุ จำนวน 2 ราย ส่งชันสูตรศพหาสาเหตุการเสียชีวิต ที่โรงพยาบาลบางไทร 

นอกจากนี้ ผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 6 ราย  ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลเสนา 2 คน โดย 1 คนมีอาการสาหัส สำลักควันและมีเลือดไหลในสมอง ส่วนอีก 1 คนมีอาการซึม สันนิษฐานว่า จะมีเลือดไหลในสมอง จึงส่งไปเอ็กเรย์และรอผลการเอ็กซเรย์สมอง ส่วนอีก 4 คน ยังไม่พบอาการผิดปกติ จึงให้กลับบ้านเพื่อสังเกตุอาการ

“ส่วนผลกระทบทางด้านสุขภาพ จากการตรวจสอบของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ขณะนี้ยังไม่พบสารเคมีคงค้างในอากาศ เนื่องจากที่เกิดเหตุส่วนมากเป็นทินเนอร์ และสารเคมีที่ใช้ในการก่อสร้าง จึงยังไม่พบสารเคมีตกค้างที่อาจเป็นอันตรายกับประชาชน" น.ส.ณัฐณิชา กล่าวและว่า สธ.ได้ส่งทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจ MCATT ลงพื้นที่คัดกรองอาการเจ็บป่วยทางกายและจิตใจ พร้อมให้คำแนะนำประชาชนโดยรอบ โดยหากมีอาการปวดหู การได้ยินลดลง หรือมีความเครียดและกังวลใจ ก็สามารถไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลได้ทันที 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:

สธ.เผยผู้บาดเจ็บ 7 รายเสียชีวิต 2 ราย เหตุโป๊ะเทียบเรือ อู่ต่อเรือ อ.บางไทรระเบิด