ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จัดโครงการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบีและซี เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เผยข้อมูลคนไทยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี 2-3 ล้านคน ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีหลายแสนคน แนะคนไทยเกิดก่อนปี 2535 ควรตรวจคัดกรองโรคอย่างน้อย 1 ครั้ง ย้ำ! พาหะของเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี เสี่ยงภาวะตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง อาจเกิดมะเร็งตับได้

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โดยศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เปิดให้บริการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบีและซี ซึ่งเป็น 1 ใน 8 โครงการร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ในนามราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์กับทางรัฐบาล โดยได้เปิดให้ประชาชนได้เข้าร่วมโครงการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบีและซี จำนวน 2 วัน ระหว่างวันที่ 25 - 26 กรกฎาคม 2567 ณ ชั้น 2 อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคารบี) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ฯ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร

โดย รศ.พญ.ชนิสา โชติพานิช รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เป็นประธานเปิดงาน กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดให้วันที่ 28 กรกฎาคมของทุกปี เป็นวันตับอักเสบโลก หรือ World Hepatitis Day เพื่อรณรงค์ให้ผู้คนทั่วโลกได้ตระหนักถึงภัยอันตรายของโรคตับอักเสบ และรับรู้ถึงวิธีการป้องกันตนเองจากโรคไวรัสตับอักเสบได้อย่างถูกต้อง ทั้งนี้ โรคไวรัสตับอักเสบเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญส่งผลกระทบระยะยาว โดยเฉพาะการเป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบีและซี อาจก่อให้เกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง และเป็นสาเหตุสำคัญในการเกิดมะเร็งตับ 

ในประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีประมาณ 2-3 ล้านคน และผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีอีกหลายแสนคน กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ตั้งเป้ากำจัดทั้ง 2 ไวรัสให้สำเร็จภายในปี 2573 จึงได้จัดการตรวจคัดกรองในวันนี้ เพื่อให้บริการความรู้สุขภาพ และให้บริการตรวจคัดกรองประชาชนจำนวน 720 ราย เพื่อให้เข้าถึงการป้องกัน และลดปัจจัยเสี่ยงต่อโรคมะเร็งตับ 

นพ.วรวัฒน์ แสงวิภาสนภาพร รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ กล่าวว่า WHO ให้เป้าหมายสำคัญในการกำจัดไวรัสตับอักเสบภายในปี 2573 จึงต้องเร่งลงมือ เพราะการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบส่งผลให้เกิด ตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง และมะเร็งตับ ในภาพรวมของประชากรโลก WHO รายงานในปี 2565 พบว่า 300 ล้านคนติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี อัตราการเสียชีวิต 1.3 ล้านคน หรือทุก 30 วินาทีมีผู้เสียชีวิต 1 คน อีกทั้งมีแนวโน้มสูงขึ้นในทุกปี จึงต้องให้ความสำคัญและป้องกัน ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีนโยบายให้วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีเป็นวัคซีนพื้นฐานตั้งแต่ปี 2535 ดังนั้น ผู้ที่เกิดก่อนปี 2535 ควรตรวจคัดกรองอย่างน้อย 1 ครั้ง

ด้าน พญ.อัญญา เกียรติวีระศักดิ์ แพทย์เฉพาะทางอายุรศาสตร์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ให้บริการความรู้แก่ประชาชนในหัวข้อ “ไวรัสตับอักเสบบีและซี รักษาได้ก่อนกลายเป็นมะเร็งตับ” กล่าวว่า โรคไวรัสตับอักเสบถือเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพสำคัญที่ส่งผลกระทบระยะยาว การเป็นพาหะของเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี อาจก่อให้เกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดมะเร็งตับ ซึ่งในปัจจุบันมียารักษาโรคไวรัสตับอักเสบซีแล้ว ดังนั้น การตรวจคัดกรองจึงเป็นเรื่องสำคัญ 

โครงการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบีและซี เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งเป้าหมายการให้บริการตรวจคัดกรองประชาชน จำนวน 720 ราย ด้วยชุดตรวจแบบ Rapid Test เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงการตรวจคัดกรองที่สะดวก รวดเร็ว รู้ผลทันที พร้อมจัดทีมแพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ออกหน่วยให้คำปรึกษาแก่ผู้ที่พบผลเป็นพาหะเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี เพื่อป้องกันตนเองและลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคตับแข็งและมะเร็งตับในอนาคตต่อไป