รมว.สาธารณสุข ตรวจเยี่ยม รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี ผลักดันสมุนไพรเต็มที่ ชี้หากโลกวิกฤติจะไม่มียา ต้องเร่งพัฒนาสมุนไพรไทย สั่ง สธ.ต่อยอด 1 จังหวัด 1 สมุนไพร พร้อมมอบนโยบาย สปสช.เพิ่มวงเงินสมุนไพรอีก 50% จากของเดิมงบแพทย์แผนไทย 1 พันล้าน เพิ่มเป็น 1.5 พันล้าน ขณะเดียวกับพบปะ อสม.ปลื้มส่วนใหญ่หนุนร่างกฎหมาย

 

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม  นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและเปิดอาคารนวัตกรรมเปรม ชินวันทนานนท์ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี โดยมี นพ.เปรม ชินวันทนานนท์ ประธานกรรมการมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายวิธรัช รามัญ ปลัดจังหวัดปราจีนบุรี นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นพ.มณเฑียร คณาสวัสดิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 6 พญ.ชนิดา สยุมภูรุจินันท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และ อสม. เข้าร่วม

“เจ็บป่วยคราใด คิดถึงยาไทย ก่อนไปหาหมอ”

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนมีความยินดี ที่มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้สร้างอาคารนวัตกรรม เปรม ชินวันทนานนท์ เพื่อเป็นสถานที่วิจัยและพัฒนางาน สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งตนทราบว่า ทางมูลนิธิอยู่ระหว่างดำเนินการศึกษาวิจัยสมุนไพรที่เป็นประโยชน์หลายเรื่อง โดยหากดำเนินการสำเร็จ จะช่วยเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ป่วย ช่วยสร้างงาน สร้างโอกาสให้กับเกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพร และช่วยให้สมุนไพรไทย สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล

“ผมขอฝากให้พวกเราช่วยกันสนับสนุนการใช้สมุนไพรภายในประเทศ ตามแนวคิด “เจ็บป่วยคราใด คิดถึงยาไทย ก่อนไปหาหมอ” เพื่อกระตุ้นให้คนไทยใช้สมุนไพร เสริมการรักษาแผนปัจจุบันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมลดการนำเข้าวัตถุดิบ และยาจากต่างประเทศ โดยผมขอขอบคุณ มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เครือข่ายนักวิจัย และกลุ่มเกษตรกร ผู้ผลิตวัตถุดิบสมุนไพรคุณภาพทุกท่าน ที่มีส่วนช่วยยกระดับการพัฒนาสมุนไพรไทยสู่ตลาดสากลด้วย” รมว.สาธารณสุข กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การพัฒนาสมุนไพรไทย ตนได้มีโอกาสร่วมงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ โดยมี ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จเป็นองค์ประธานเปิดงาน และมีพระราชดำรัสว่า สมุนไพรไทย ยาไทย มีความจำเป็นในยามวิกฤติของโลก ถ้าหากเราไม่รีบพัฒนาไว้ ก็จะมีปัญหากับประชาชน โดยตนและอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ ก็เร่งดำเนินการพัฒนาสมุนไทยทันที

 

มอบนโยบาย สปสช.เพิ่มวงเงินสมุนไพรอีก 50%  

ตนได้ประชุม สปสช. ก็ได้มอบนโยบายให้เพิ่มวงเงินสำหรับสมุนไพรอีก 50% จากของเดิมงบประมาณแพทย์แผนไทย 1,000 ล้านบาท ก็เพิ่มเป็น 1,500 ล้านบาท แต่ถือว่ายังน้อย เมื่อเทียบกับยาแผนปัจจุบัน ที่ใช้งบประมาณปีละ 7 หมื่นล้านบาท จึงขอฝากกระทรวงสาธารณสุข ช่วยรณรงค์ จังหวัดละ 1 ตัวยาสมุนไพร เพื่อทำให้ประชาชนเห็นประโยชน์การใช้สมุนไพร และมีไว้ใช้ในยามจำเป็น เช่น ช่วงโควิดระบาด ยาปัจจุบันขาดแคลน ตนก็นำฟ้าทะลายโจรมาใช้กับผู้ต้องขังในเรือนจำ โดยได้ผลเป็นอย่างดี จนประชาชนนำไปใช้อย่างแพร่หลาย

“ผมจะสนับสนุนการพัฒนาสมุนไพรอย่างเต็มที่ เพราะหากโลกเกิดวิกฤติ ก็จะส่งยามาไม่ได้ ดังนั้น หากเรามีสมุนไพรเพียงพอ ก็จะดูแลคนไทยได้ เช่น ช่วงโควิดระบาด ยาปัจุบันขาดแคลน ตนก็ให้ใช้ฟ้าทะลายโจรแทน โดยก้าวเดินต่อไป ก็จะทำให้สมุนไพรแข่งแกร่ง และเพิ่มมูลค่าสมุนไพรไทยต่อไป” รมว.สาธารณสุขกล่าว

รับฟังความคิดเห็น ร่างพ.ร.บ.อสม.ครบแล้ว ส่วนใหญ่หนุนมีกฎหมาย

นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ยังได้พบปะอาสาสมัครสาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี และมอบเครื่องมือปฎิบัติงานให้ประธาน อสม.ทุกอำเภอ จำนวน 8 ชุด พร้อมกล่าวว่า อสม. ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญในการยกระดับการแพทย์ปฐมภูมิ เนื่องจากเป็นผู้อยู่ใกล้ชิดชุมชน และทราบถึงข้อมูล ความต้องการของพี่น้องประชาชนในแต่ละพื้นที่ โดยตนขอชื่นชมในความขยัน และความตั้งใจจริงของพี่น้อง อสม. จึงช่วยผลักดันให้มี พ.ร.บ. อสม. เพื่อสร้างหลักประกันให้พี่น้อง อสม. มีความ “ก้าวหน้า มั่นคง และยั่งยืน” ซึ่งร่างกฎหมาย ได้รับฟังความคิดเห็นครบแล้ว โดยมีประชาชนเข้ามาแสดงความคิดเห็นถึง 347,915 คน เห็นด้วยกับร่างกฎหมาย 307,122 คน ไม่เห็นด้วย 38,225 คน ส่วนประเด็น อสม.เกษียณ 70 ปี เมื่อรับฟังเสียงสะท้อนที่ไม่อยากเกษียณแล้ว ตนก็พร้อมปรับแก้ให้