ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สธ.ส่งทีมบุคลากรทางการแพทย์ ดูแลชาวไทยมุสลิมประกอบพิธีฮัจย์ ณ ซาอุดีอาระเบีย เกือบ 3 เดือน รักษาผู้ป่วยนอก 6.2 พันคน พบมีอาการติดเชื้อทางเดินหายใจมากที่สุด พร้อมออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ร่วมกับสถานทูต

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (ปลัด สธ) เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุข จัดส่งทีมบุคลากรทางการแพทย์จากสำนักงานแพทย์เพื่อกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย เดินทางไปร่วมดูแลชาวไทยมุสลิมที่ประกอบพิธีฮัจย์ ประจำปี 2567 ณ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ประกอบด้วย แพทย์ 10 คน เภสัชกร 4 คน พยาบาลวิชาชีพ 24 คน และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 4 คน รวมทั้งสิ้น 42 คน แบ่งเป็น 3 ชุด ชุดแรก 15 คน ตั้งแต่วันที่  8 พฤษภาคม - 28 มิถุนายน 2567 ชุดที่สอง 14 คน ระหว่างวันที่ 20 พฤษภาคม – 10 กรกฎาคม 2567 และชุดที่สาม 13 คน ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม – 19 กรกฎาคม 2567 

ระหว่างนี้ได้รับการประสานจาก นายดามพ์ บุญธรรม เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงริยาด ขอรับการสนับสนุนแพทย์ 2 คน และพยาบาล 3 คน เข้าร่วมโครงการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด เพื่อให้บริการตรวจสุขภาพขั้นพื้นฐาน ให้คำแนะนําการรักษาโรคและอาการเจ็บป่วยเบื้องต้น มอบยาสามัญประจำบ้านและเวชภัณฑ์ที่จำเป็นแก่คนไทย ณ สถานเอกอัครราชทูตฯ ระหว่างวันที่ 6 - 8 มิถุนายน และวันที่ 4-5 กรกฎาคม 2567 และที่สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์ ระหว่างวันที่ 10 - 11 มิถุนายน 2567

นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า สำหรับการดูแลสุขภาพคนไทยที่ไปประกอบพิธีฮัจย์ ที่นครเมกกะและเมืองมาดีนะห์ ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม - 11 กรกฎาคม 2567 ดูแลผู้ป่วยนอก 6,282 คน โรคที่เข้ารับการรักษามากที่สุด 5 อันดับ คือ

  1. โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนบน
  2. คออักเสบ
  3. ผิวหนังอักเสบ/ภูมิแพ้ผิวหนัง
  4. ตาแดง
  5. โรคกระเพาะอาหาร

พร้อมดูแลผู้ป่วยใน 189 คน ส่งต่อ 17 คน ปัจจุบันไม่มีผู้ป่วยคนไทยตกค้างในโรงพยาบาลท้องถิ่น ส่วนศูนย์ประสานงานสำนักงานแพทย์เพื่อกิจการฮัจย์ฯ ประจำนครมาดีนะห์ ได้ให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพและติดตามเยี่ยมบ้านผู้ประกอบพิธีที่มีสถานะสุขภาพที่ต้องดูแลใกล้ชิด และกรณีที่โทรศัพท์เข้ามาแจ้งอาการเจ็บป่วย รวมถึงให้คำแนะนำการปฏิบัติตัว โดยรณรงค์ให้สวมหน้ากากอนามัย รับประทานอาหารสุกใหม่ ดื่มน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอ ซึ่งไม่พบผู้ประกอบพิธีที่มีอาการเจ็บป่วยรุนแรง ทั้งนี้ มีผู้ประกอบพิธีที่เดินทางกลับประเทศไทยแล้ว 5,140 คน เหลือผู้พำนักอยู่ 2,593 คน โดยอยู่ในนครเมกกะ 2,259 คน และเมืองมาดีนะห์ 334 คน 

"ในส่วนโครงการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด วันที่ 4 - 5 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีนักศึกษา แรงงาน และประชาชนชาวไทยและครอบครัว ที่พํานักในกรุงริยาดและเมืองใกล้เคียง ประมาณ 50 คนมารับบริการ ซึ่งทางสถานเอกอัครราชทูตณ ณ กรุงริยาด ได้มีหนังสือขอบคุณกระทรวงสาธารณสุขที่สนับสนุนแพทย์ พยาบาล รวมทั้งยาและเวชภัณฑ์ ซึ่งผู้มารับบริการต่างพึงพอใจและยินดีที่มีการจัดโครงการดังกล่าว โดยในอนาคตจะมีการประสานความร่วมมือจัดโครงการเพื่อดูแลคนไทยในต่างแดนเช่นนี้อีก" นพ.โอภาส กล่าว

เรื่องที่เกี่ยวข้อง