ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

อภ.กำหนดยุทธศาสตร์ปี 67 เน้น GPO PLANT BASED MEDICINE แบ่งผลิตภัณฑ์ 3 หมวดย่อย ชูสารสกัดขมิ้นชัน เถาวัลย์เปรียง สมุนไพร 8 ชนิด และอื่นๆอีกเพียบ มุ่งหน้าผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ผู้ใช้ ทั้งกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน

 

 

ยุทธศาสตร์ปี 67 เน้น GPO PLANT BASED MEDICINE

พญ.มิ่งขวัญ  สุพรรณพงศ์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม(อภ.) หรือ GPO ให้สัมภาษณ์ที่บูธขององค์การเภสัชกรรม ภายในงานมหกรรม สมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 21 ระหว่างวันที่ 3 – 7 กรกฎาคม 2567 ที่ อาคาร 11 - 12 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค  เมืองทองธานีว่า อภ.มีการกำหนดยุทธศาสตร์หลักในปี 2567 “PLANTXGPO”ภายใต้แนวคิด GPO PLANT BASED MEDICINE มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรขององค์การเภสัชกรรม และร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ทั้งรัฐ เอกชน และภาคการศึกษา ในความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าสมุนไพรไทย เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศ รวมทั้งส่งเสริมให้มีงานนวัตกรรมด้านสมุนไพร อันจะนำพาประเทศไทยสู่ ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

PLANT BASED MEDICINE แบ่งผลิตภัณฑ์ 3 หมวด

PLANTXGPO เป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่อภ.ได้เร่งดำเนินการวิจัยและพัฒนาเพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทยให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในประเทศและตลาดต่างประเทศอย่างตรงจุด ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ภายใต้แนวคิด GPO PLANT BASED MEDICINE แบ่งผลิตภัณฑ์ออกเป็น 3 หมวดย่อย ประกอบด้วย

 

 1. หมวดยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีสารสำคัญจากพืชเป็นหลัก (Plant based drugs and supplements) ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ใช้ด้านการกีฬา(sport medicine) อาทิ สเปรย์พ่นและบาล์มเพื่อคลายกล้ามเนื้อ (spray and balm for muscle relaxing ),  ผลิตภัณฑ์สมุนไพรสารสกัดขมิ้นชันสูตรเสริมความแข็งแรงของกระดูกและข้อ (Ca-Curmin) , ผลิตภัณฑ์สมุนไพรบำรุงร่างกาย, ผลิตภัณฑ์สมุนไพรสารสกัดจากกะหล่ำปลีและหม่อนที่มีสารสำคัญที่ช่วยในการชะลอวัย (plant based NMN+Reserverato supplements) และผลิตภัณฑ์สมุนไพรเม็ดเคี้ยวเพื่อให้เกิดความสดชื่น (BAT-Bio activating tablets) เป็นต้น 

 

2. Plant based Cosmetics - Hair serum ใช้สารสกัดจากจมูกข้าว และแก่นมะหาด ซึ่งมีสารสำคัญที่ช่วยบำรุงหนังศีรษะและเพิ่มการเจริญเติบโตของ hair follicle keratinocytes, ผลิตภัณฑ์ Luminous Botanic oilets serum ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ใช้สารสกัดสำคัญจากเกสรดอกบัวหลวง และ exosome ของดอกกุหลาบ ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการบำรุงผิวและชะลอวัย

 

 3. Spa herbal preparations ซึ่งได้แก่ผลิตภัณฑ์ลูกประคบ และน้ำมันหอมระเหย

“ในการพิจารณาการผลิตจะมองผู้บริโภคเป็นจุดศูนย์กลางว่าอยากได้อะไร ปัจจุบันตลาดที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพร ตัวที่มาแรงที่สุดในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน  อย่าง  sport medicine หรือตัวที่บำรุงร่างกายที่ทำจากกระชายดำ ใบหูเสือและอื่นๆ เป็นต้น”พญ.มิ่งขวัญกล่าว

ชูสารตั้งต้นอนุพันธ์วิตามินบี 3 จากอะโวคาโด สู่ตลาดส่งออก

ตลาด PLANT BASED MEDICINE ของอภ. ตัวแรกกำลังจะส่งออกไปต่างประเทศ คือ NMN จะเป็นสารตั้งต้นที่จะทำให้เป็น NAD+ ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของวิตามินบี 3  ซึ่งอภ.สามารถผลิต Plant based ที่เป็นสารสกัดจากอะโวคาโด กะหล่ำปลี และบลอคโครี่  แต่เลือกทำที่เป็นสารสกัดจากอะโวคาโด ในขนาด 250 มิลลิกรัมเพื่อส่งออกไปให้กับลูกค้าต่างประเทศ ที่มีการติดต่อประสานงานเข้ามาแล้ว ที่ต้องส่งออกก่อนเนื่องจากสารตัวนี้ในประเทศไทยอนุญาตให้ใช้ได้เพียง 20 มิลลิกรัม แต่ในต่างประเทศอนุญาตให้ได้ถึง 250 มิลลิกรัม ขณะนี้อยู่ระหว่างการขอขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)เป็นแบบ Export Only

 

Plant based จากสมุนไพร เช่น ขมิ้นชัน เถาวัลย์เปรียง

สำหรับตัวอย่างความสำเร็จเรื่องของ Plant based ที่อภ.ดำเนินการ คือ สมุนไพรขมิ้นชัน นับเป็นหนึ่งในสมุนไพรเด่นขององค์การฯ ทั้งในเรื่องของการป้องกัน บำรุงและรักษา โดยเริ่มการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรขมิ้นชันตัวแรกในรูปแบบแคปซูล มีสรรพคุณ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ และมีผลการศึกษาโดยคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ BMJ Evidence-Based Medicine 2023 ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าการใช้แคปซูลขมิ้นชันให้ผลการรักษาโรคกระเพาะอาหารไม่แตกต่างจากการใช้ยาลดกรดแผนปัจจุบัน

จากนั้นได้พัฒนาการวิจัยวัตถุดิบขมิ้นชัน โดยนำมาสกัดและสังเคราะห์ด้วยนาโนเทคโนโลยี จนได้สาร tetrahydrocurcuminoids หรือ THC จากเดิมที่สารสกัดมีสีเหลืองส้ม ได้เป็นสารสกัดที่มีสีขาว ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระสูงและต้านการอักเสบ นำมาใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์เคอร์มินบำรุงผิว

แอนติออกซ์ สารสกัดขมิ้นชันบรรจุแคปซูล บรรเทาอาการปวดในโรคข้อเข่าเสื่อม และได้รับขึ้นทะเบียนเป็นยาจากสมุนไพรเป็นรายแรก  และมีผลการศึกษาจากทีมผู้วิจัย คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล พบว่าการใช้แคปซูลสารสกัดขมิ้นชันมีประสิทธิผลลดอาการปวดข้อจากโรคข้อเข่าเสื่อมไม่แตกต่างจากการใช้ยาต้านการอักเสบ ไอบูโปรเฟน (ibuprofen)  นอกจากนี้ยังมีผลการวิจัยว่าสามารถลดภาวะเครียดออกซิเดชัน (oxidative stress) ภาวะเหล็กเกิน และยังช่วยยืดอายุเม็ดเลือดแดง ในผู้ป่วยโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียได้อีกด้วย

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสารสกัดพรมมิชนิดเม็ด ช่วยชะลอความเสื่อมของสมอง

สารสกัดเถาวัลย์เปรียง สำหรับบรรเทาอาการปวดเข่าจากข้อเข่าเสื่อม ผ่านการศึกษาทางคลินิกจากคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มีประสิทธิผลเทียบเท่ายาแผนปัจจุบัน และพบอาการข้างเคียงน้อยกว่า

ผลิตภัณฑ์ไฟโทเพล็กซ์ ได้พัฒนาจากตำรับยาพื้นบ้านจากภูมิปัญญานำมาต่อยอดความรู้ทางการวิจัย สู่ผลิตภัณฑ์สมุนไพรคุณภาพ ซึ่งรวมสมุนไพรพื้นบ้าน 8 ชนิด ประกอบด้วย พุทธรักษาดอกแดง มะไฟเดือนห้า ปีกไก่ดำ พญายอ เหงือกปลาหมอ แทงทวย ข้าวเย็นเหนือ และข้าวเย็นใต้ ที่มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างหลอดเลือดใหม่และการกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งฤทธิ์ทั้งสองนี้เป็นกลไกสำคัญของการพัฒนายาต้านมะเร็งสมัยใหม่  โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นยาแผนโบราณ มีสรรพคุณแก้น้ำเหลืองเสีย  และผลิตภัณฑ์สารสกัดกัญชาชนิดหยดใต้ลิ้น 4 สูตรและถูกนำมาใช้ตามแนวทางการรักษาของกรมการแพทย์ และได้ใช้ในคลินิกกัญชาทางการแพทย์ทั่วประเทศจนถึงปัจจุบัน

สำหรับบูธขององค์การเภสัชกรรม ในมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติตั้งแต่วันนี้ถึง 7 ก.ค.67 ที่ฮอลล์10-11 อิมแพคเมืองทองธานี  มีการจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ครีมบำรุง ภายใต้ Brand GPO Curmin ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ภายใต้ Brand GPO Selext มหัศจรรย์แห่งคุณค่าของธรรมชาติ เป็นต้น  ยังมีกิจกรรม “GPO Planet แชะ + โชว์ +แชร์” โดยเชิญชวนให้ผู้เข้าร่วมงานถ่ายรูปภายในบูธขององค์การเภสัชกรรมแล้วแชร์ลงโซเชี่ยลมีเดียพร้อมตั้งค่าเป็นสาธารณะ ผู้ร่วมสนุกจะได้รับผลิตภัณฑ์จากองค์การเภสัชกรรม ได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ อีกทั้ง มีกิจกรรมให้ความรู้ อาทิ เช่น เรื่อง  "คุยกันเรื่องอัลไซเมอร์" , เทคนิคชะลอผิวแก่ก่อนวัย , Steroid ในยาแผนโบราณ , เคล็ดไม่ลับใช้สกินแคร์อย่างไรให้เห็นผล , การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม  เป็นต้น