“กองทุนฟื้นฟูฯ / กองทุน LTC จ.พังงา” บูรณาการความร่วมมือ เพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วยบนเกาะปันหยี  

อบจ.พังงา บูรณาการความร่วมมือ รุกงาน “กองทุนฟื้นฟูฯ” และ “กองทุน LTC” ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงในจังหวัด แม้แต่บนเกาะปันหยี ช่วยลดค่าใช้จ่ายครัวเรือน ด้านญาติผู้ป่วย เผย ขอบคุณทุกคน ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้ แถมมี Care giver คอยติดตามดูแล     

เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2567 ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ  พร้อมด้วย นายธงชัย สิทธิยุโน ผู้อำนวยการ สปสช. เขต 11 สุราษฎร์ธานี ลงพื้นที่ จ.พังงา เพื่อติดตามการดำเนินงาน “กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพระดับจังหวัด” และ “กองทุนระบบการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง” (Long Term Care : LTC) พร้อมเยี่ยมผู้ป่วยภาวะพึ่งพิงในพื้นที่เกาะปันหยี และดูการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยผู้ป่วยตามโครงการปรับสภาพแวดล้อมสำหรับที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่อยู่ในระยะกึ่งเฉียบพลันและผู้ที่มีภาวะพึ่งพึ่ง และมอบผ้าอ้อมผู้ใหญ่เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดี

         
นายธราธิป ทองเจิม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพังงา เปิดเผยว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดพังงา (อบจ.พังงา) ได้บูรณาการหน่วยงานในพื้นที่ ทั้งเทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) รวมถึง สปสช. ร่วมวิเคราะห์และบริหารจัดการให้ประชาชน เข้าถึงสุขภาพที่ดีได้ในจังหวัดพังงา ทั้งนี้เมื่อได้ลงพื้นที่ตำบลเกาะปันหยีแล้ว พบว่า ต.เกาะปันหยี เป็นพื้นที่พิเศษ เพราะมีทะเลล้อมรอบ สัญจรได้เพียงทางน้ำเท่านั้น ทำให้ยากลำบากในการเข้าถึงการรักษาพยาบาล จึงต้องการเน้นให้ประชาชนที่อยู่บนเกาะดูแลสุขภาพ โดยเน้นป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพ ทั้งนี้ อบต. เกาะปันหยีมีสถานพยาบาล 4 แห่ง ด้วยงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด การบูรณาการร่วมกับทางอบจ. มาช่วยแก้ไขในส่วนนี้ได้ 
          
นอกจากนี้การบูรณาการระหว่าง อบจ. และ สปสช. ในกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพ และ LTC ก็เป็นส่วนที่เข้ามาเติมเต็มการดูแลผู้ป่วยติดเตียง รวมถึงผู้ด้อยโอกาสที่ไม่สามารถใช้พื้นใช้สอยภายในที่พักอาศัยตัวเองได้สะดวก โดยได้ร่วมดำเนินการมากว่า 7-8 ปี ทำให้ประชาชนภายในจังหวัดพังงาสามารถวางใจได้ว่า ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส จะมีผู้ค่อยดูแลพวกเขาอยู่เสมอ

ด้าน นายกิตติ เล่านา รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะปันหยี กล่าวว่า อบต.เกาะปันหยี ดูแลประชาชนกร 4,200 คนหรือกว่า 1,200 ครัวเรือน ทั้งที่เกาะและพื้นที่บนฝั่ง ความยากลำบากคือ ต้องสัญจรด้วยทางน้ำเท่านั้น จึงไม่สามารถคาดการณ์อุปสรรคที่จะเกิดขึ้นได้ เช่นพายุ หรือเรือติดสันดอนทราย ทำให้การพาผู้ป่วยฉุกเฉินไปรักษาทำได้ยาก ดังนั้น อบต.เกาะปันหยี และ รพ.สต. จึงมุ่งเน้นการบูรณาการร่วมกัน เน้นการรักษาที่เข้าถึงผู้ป่วยได้มากขึ้น รวมถึงช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีภาวะพึ่งพิง (LTC)  โดย อบต.ให้ความสำคัญอย่างมากในการคัดเลือกผู้ป่วย LTC ซึ่งต้องเป็นผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือจริงๆ ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ได้มีส่วนร่วมนี้ นอกจากนี้ รพ.สต. จะเป็นผู้สนับสนุนการคัดเลือก Care giver และ Care manger ให้เข้าไปดูแลในเรื่องที่อยู่อาศัย สุขลักษณะ โภชนาการ เพื่อพวกเขามีสุขภาวะที่ดีขึ้น

วนิดา ไมหมาก มารดาของผู้มีสภาวะพึ่งพิง กล่าวว่า ตนมีภาระจำเป็นที่ต้องหาเงินเลี้ยงดูลูกหลายคน รวมถึงต้องดูลูกที่พิการอยู่ที่บ้าน โดยต้องคอยป้อนข้าวป้อนน้ำให้ 4 ครั้งต่อวัน ส่วนสามีเองก็ต้องออกจากบ้านตั้งแต่เช้าไปหาเงินเลี้ยงดูครอบครัวเช่นกัน กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพเข้ามาช่วยเหลือได้ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัวอย่างมาก ทั้งยังคอยช่วยสอบถามอาการ ติดตามสุขภาพ ให้กำลังใจ และคอยทำเอกสารในส่วนที่ตนไม่รู้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้ช่วยเหลือครอบครัวของเราอย่างมาก 

“ถ้าไม่มีกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพฯ จ.พังงาเข้ามาช่วย ค่าใช้จ่ายที่ต้องรับภาระก็คงมากกว่านี้ ทั้งยังทีม  Care giver เข้ามาช่วยดูแล ซึ่งอยากจะขอบคุณทุกคน ทั้งยังคอยมาช่วยให้กำลังใจกัน” วนิดา ไมหมาก มารดาของผู้มีสภาวะพึ่งพิง กล่าว

ทพ.อรรถพร กล่าวว่า ปกติแล้วหน่วยราชการมีงบประมาณของแต่ละหน่วยงาน ซึ่งบางครั้งมีการใช้งบประมาณซ้ำซ้อน ทำโครงการเดียวกัน แต่นายก อบจ.พังงามีการวางแผนการใช้งบประมาณที่ดี โดยมีการสำรวจข้อมูลที่ละเอียด แม่นยำ เพื่อไม่ให้เกิดการทำโครงการที่ซ้ำซ้อน ทำให้เกิดโครงการที่มีประสิทธิภาพ และประหยัดงบประมาณ อย่างไรก็ตามเกาะปันหยีแม่ว่าจะห่างจากฝั่งแผ่นดิน แต่ในเรื่อง LTC กลับทำได้ดีมาก จากการบูรณาการระหว่างท้องถิ่น และ รพ.สต ในการเข้ามาดูแลผู้ป่วยในพื้นที่ ซึ่งจากที่ได้เยี่ยมผู้ป่วยหลายๆ คนในวันนี้ เห็นได้ชัดเจนว่า ระบบที่ออกแบบมาทำให้เขาได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง และที่เห็นได้ชัดคือระบบได้เข้ามาเติมเต็มตามวิถีของประชาชนที่อยู่กันแบบพึ่งพาอาศัย รพ.สต รู้ว่าต้องวางแผนอย่างไร และทำตามแผนได้ดี

“หนึ่งในผู้ป่วยที่เรามาเยี่ยมในวันนี้ แม่ของเด็กต้องทำงานค้าขายตลอดเวลา ขณะที่ลูกต้องการการดูแล ระบบก็จะมาเติมเต็มในส่วนนี้ได้ ทำให้สังคมสามารถอยู่ร่วมกันได้ โดยมีระบบเป็นตัวกลาง ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องมาช่วยเหลือกัน” ทพ.อรรถพร กล่าว