สธ.จัด “มหกรรมความสุขทางการเงิน” ชาวสาธารณสุข 6-7 ก.ค. นี้ “สมศักดิ์” เร่งแก้หนี้ กยศ.บุคลากร 35,472 คน พบค้างชำระ 5,702 คน ด้านผู้จัดการ กยศ. เผยใครค้างชำระ ไม่ต้องกลัวไม่เข้าเครดิตบูโร ลูกหลานมากู้กองทุนได้เช่นเดิม พร้อมให้ชำระยอดต่ำสุด 100 บาท เหตุเข้าใจ ข้าราชการบางราย ชำระหนี้จนแทบไม่เหลือเงินเดือน พร้อมแจงรายละเอียดการช่วยเหลือ ส่วนสธ. เผย 5 แนวทางขับเคลื่อนแผนความมั่นคงปลอดภัยทางด้านการเงิน
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข ระหว่าง กระทรวงสาธารณสุข กับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรมบังคับคดี และธนาคารแห่งประเทศไทย โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นสักขีพยาน และยังเป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนแผนความมั่นคงปลอดภัยทางด้านการเงิน พร้อมมอบนโยบายการสร้างขวัญกำลังใจ
(ข่าว : สมศักดิ์ ผุดโครงการแก้หนี้ “บุคลากรทางการแพทย์” 3.5 หมื่นคน -หารือหนี้ กยศ. 26 มิ.ย.)
แก้ปัญหาหนี้ กยศ.บุคลากรสาธารณสุข
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาหนี้สินเป็นวาระแห่งชาติ ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจแก่บุคลากรสาธารณสุข โดยกระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาหนี้สินบุคลากร
หนึ่งในปัญหาหนี้สิน คือ หนี้ กยศ. โดยมีประมาณ 35,472 คน ซึ่งบางส่วนมีโอกาสถูกฟ้องร้องได้ จึงได้หารือกับ กยศ. เพื่อวางแนวทางให้การช่วยเหลือ โดยเฉพาะกลุ่มค้างชำระหนี้ 5,702 คน ซึ่งถูกฟ้องแล้ว ปัญหาคือ คนค้ำประกันก็ลำบาก แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะถูกฟ้องแล้ว ก็ยังสามารถต่อรองเจรจาได้ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุข จะจัดมหกรรมความสุขทางการเงิน ในวันที่ 6-7 กรกฎาคม นี้ ที่อาคารกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) เน้นการแก้หนี้อย่างครอบคลุมให้กับชาวสาธารณสุขทุกคน
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในวันนี้จึงมีการลงนามความร่วมมือกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วางแนวทางการแก้ปัญหาและเร่งรัดปิดหนี้ ให้สอดคล้องกับกฎหมายฉบับใหม่ คือ พ.ร.บ.กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 ที่มีการปรับลำดับการหักเงินใหม่ จากเดิมเป็นเบี้ยปรับ ดอกเบี้ย และเงินต้น มาเป็นหักจ่ายเงินต้นก่อน ตามด้วยดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ, สามารถผ่อนชำระได้ทั้งรายปี รายไตรมาสและรายเดือน, ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน, ดอกเบี้ยเงินกู้ไม่เกิน 1% ต่อปี และเบี้ยปรับไม่เกิน 0.5% ต่อปี
“การเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ก่อนถูกฟ้องร้อง ถือเป็นทางเลือกในการปลดหนี้ และช่วยลดความเครียดให้บุคลากร จะได้มีแรงใจในการทำงาน และช่วยสร้างสภาพคล่องทางการเงิน” รมว.สาธารณสุข กล่าว
นายโฆสิต สุวินิจจิต คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ปัญหาภาระหนี้สินส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและขวัญกำลังใจในการทำงาน โดยเฉพาะกลุ่มลูกหนี้วิกฤต ที่ต้องได้รับความช่วยเหลือเร่งด่วน ซึ่งบางรายที่แก้หนี้ไม่สำเร็จ อาจเป็นเพราะไม่รู้ช่องทางการช่วยเหลือ ตนจึงพร้อมอาสาเป็นทีมหลังบ้านหาแนวทางดูแลรักษาสุขภาพทางเงินให้กับบุคลากรสาธารณสุข
“เป็นหนี้อย่ากลัว สธ.พร้อมช่วยเหลือ โดยจะคิกออฟวันเสาร์อาทิตย์ที่ 6-7 กรกฎาคมนี้ ให้มาที่อาคารกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) สามารถปรึกษาหารือกันได้ ขณะที่เขตสุขภาพ 12 เขตก็พร้อมกันในพื้นที่เช่นกัน ” นายโฆสิต กล่าว
กยศ.เผย 2 แนวทางปรับโครงสร้าง/แปลงหนี้บุคลากรสธ.
ด้าน นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการ กยศ. กล่าวว่า การปรับโครงสร้าง/แปลงหนี้ของบุคลากรสาธารณสุข จะดำเนินการ 2 แนวทาง คือ
1.กลุ่มลูกหนี้ที่ชำระปกติ จะคำนวณยอดหนี้ใหม่ภายใน 6 เดือน หากชำระหนี้เกิน 150% ของเงินต้นแล้ว สามารถหยุดจ่ายได้ทันที เช่น เงินต้น 1 แสนบาท ผ่อนชำระแล้ว 1.5 แสนบาท เป็นต้น ซึ่งจะทำให้หลายคนมีแนวโน้มชำระหนี้ครบแล้ว
2.กลุ่มลูกหนี้ที่ค้างชำระ/ผิดนัด จะปรับโครงสร้างหนี้ ปลดภาระผู้ค้ำประกัน คิดดอกเบี้ยและเบี้ยปรับตามอัตราใหม่ โดยจะพักเบี้ยปรับไว้ก่อน เมื่อชำระงวดสุดท้ายเสร็จสิ้นจะลดเบี้ยปรับ 100% สามารถผ่อนชำระรายเดือนได้สูงสุด 15 ปี โดยมีเงื่อนไขคือ ชำระทุกวันที่ 5 ของเดือน งวดสุดท้ายอายุไม่เกิน 65 ปี แต่หากผิดนัดสะสม 6 งวด จะสิ้นสุดสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ เงินเบี้ยปรับที่พักไว้จะกลับคืนมาและถูกดำเนินคดีหรือบังคับคดีต่อไป ซึ่งคาดว่าบุคลากรที่ทำการปรับยอดหนี้/ปรับโครงสร้างหนี้แล้วจะสามารถปิดหนี้ได้ถึง 6% ของยอดลูกหนี้ทั้งหมด
กยศ.ไม่เข้าเครดิตบูโร
นายชัยณรงค์ กล่าวถึงกรณีคำถามว่า “หากเข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างหนี้ จะเข้าเครดิตบูโร หรือไม่” ว่า กยศ.ไม่ได้เข้า เครดิตบูโร แต่แรก และทุกท่านที่ผิดชำระหนี้กยศ. หากลูกหลานต้องการกู้ ก็สามารถทำได้ แม้พ่อแม่ถูกฟ้อง ลูกมากู้ต่อก็ยังทำให้ และการหักเงินเดือนหนี้กยศ. บุคลากรสาธารณสุขกว่า 3 หมื่นคน มีการดำเนินการอยู่แล้ว
“ที่ผ่านมาเราเคยพบว่า ข้าราชการหลายคนหลังรับเงินเดือนแล้ว ถูกหักค่าต่างๆ บางคนเหลือเงิน 80 บาทก็มี ถ้ากยศ.ไปตัดเต็มที่ก่อนคนอื่น ก็จะทำให้เกิดการผิดนัดชำระบ้าน ชำระรถ ดังนั้น หากไม่ไหวจริงๆ ให้แจ้งความประสงค์ชำระขั้นต่ำ 100 บาทได้ แจ้งความประสงค์กยศ.ได้” นายชัยณรงค์ กล่าว
5 แนวทางเคลื่อนแผนความมั่นคงปลอดภัยทางการเงิน สธ.
ด้าน นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การจัดประชุมในวันนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสื่อสารชี้แจงการขับเคลื่อนแผนงานความมั่นคงปลอดภัยทางการเงิน (Money Safety MOPH+) แก่ผู้บริหารและบุคลากร ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั่วประเทศผ่านระบบทางไกลและถ่ายทอดสดทางเฟซบุ๊คกระทรวง เพื่อให้มีการขับเคลื่อนนโยบายการแก้ปัญหาหนี้สินอย่างสอดคล้องกันทุกระดับ โดยแนวทางการขับเคลื่อนแผนความมั่นคงปลอดภัยทางด้านการเงินของบุคลากรสธ. ประกอบด้วย
1.สร้างวินัยทางการเงิน จัดตั้งคลินิกให้ความรู้ หลักสูตร e-Learning เน้นเรื่องการพนันออนไลน์และอื่นๆ
2.สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เช่น สินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อสวัสดิการ สินเชื่อรายได้ประจำสุขใจ เป็นต้น โดยร่วมกับธนาคารออมสิน
3.แก้ปัญหาหนี้เสีย(NPL) ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยและสถาบันการเงิน มีการแก้ปัยหาหนี้เสียของบุคลากรแล้ว 12 %
4.ลดดอกเบี้ยสหกรณ์ กำหนดดอกเบี้ยเงินกู้ไม่เกิน 4.75 %ต่อปี และขยายการชำระหนี้ถึง 75 ปี เป็นต้น
5.แก้หนี้กยศ. ร่วมกับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ในการคำนวณหนี้ใหม่และปรับโครงสร้างหนี้
- 924 views