“อนุทิน”  ในฐานะผู้เคยผลักดันนโยบายกัญชาทางการแพทย์ แม้วันนี้จะไม่ได้ดูแลโดยตรง แต่ยินดีแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจในรายละเอียด เพื่อการตัดสินใจที่รอบคอบและดีที่สุดสำหรับประชาชน  ย้ำ!หากกลับเป็นยาเสพติด ผู้ประกอบการที่เริ่มลงทุน-ชาวบ้านรักษาตัวรับผลกระทบแน่!

 

 

ประชาชนมีหลายกลุ่มที่ต้องดูแล ไม่ใช่คิดถึงแตลุ้มจ้องทำผิดกฎหมาย

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ที่จ.ภูเก็ต นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตอบคำถามผู้สื่อข่าวในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ประเด็นนายกรัฐมนตรีประกาศนำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติดว่าเป็นการตัดสินใจเพื่อประชาชนว่า นโยบายของทุกรัฐบาลเป็นไปเพื่อประชาชนทั้งสิ้น และสำหรับเราประชาชนมีหลายกลุ่มที่เราต้องดูแล แพทย์แผนไทยก็ประชาชน ผู้ป่วยก็ประชาชน ผู้ประกอบการก็ประชาชน ชาวบ้านที่ต้องการใช้ประโยชน์ตามภูมิปัญญาพื้นบ้านก็ประชาชน นโยบายของรัฐบาลจึงจะต้องเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทุกกลุ่ม ไม่ใช่คิดถึงแต่กลุ่มที่จ้องจะทำผิดกฎหมายเท่านั้น

นายอนุทินกล่าวเสริมว่า ”เรื่องกัญชาก็อยู่ในนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อสภาว่าต้องการใช้ประโยชน์เพื่อสุขภาพและเศรษฐกิจ ถ้าถามพรรคภูมิใจไทย ก็ยืนยันว่านี่คือแนวทางที่ดีที่สุด และเครื่องมือที่จะทำให้การควบคุมมีประสิทธิภาพสูงสุด ก็คือการออก พ.ร.บ.กัญชากัญชง ที่เราเคยพยายามผลักดัน หากรัฐบาลจะผลักดันอีกครั้งในรอบนี้ก็คงจะผ่าน

หากกลับเป็นยาเสพติด ผู้ประกอบการรับผลกระทบ-ชาวบ้านรักษาตัว

ผู้สื่อข่าวถามถึงผลกระทบหากมีการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด นายอนุทินตอบว่า แรกสุดผู้ประกอบการที่เริ่มลงทุนเปิดตลาดไปแล้ว และชาวบ้านที่ใช้รักษาตัวตามภูมิปัญญาดั้งเดิมอยู่ก็จะได้รับผลกระทบ ”ทุกวันนี้เทรนด์โลกเป็นไปในทางที่เปิดประตูให้กับพืชสมุนไพรกัญชามากขึ้น จึงไม่ควรไปปิดโอกาสของผู้ประกอบการไทยด้วยการถอยกลับไปที่เดิม โดยเฉพาะเมื่อเรามีทางเลือกที่ดีกว่า อย่างการออกพ.ร.บ.กัญชา“ 

หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวปิดท้ายว่า ”ในฐานะผู้เคยผลักดันนโยบาย แม้วันนี้จะไม่ได้ดูแลโดยตรง เราก็ยินดีแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจในรายละเอียด เพื่อการตัดสินใจที่รอบคอบและดีที่สุดสำหรับประชาชน“