“วันแรงงาน”สปสช. ร่วมรณรงค์ ชวน “สิทธิประกันสังคม” รับบริการ “สร้างเสริมสุขภาพฯ” เพื่อสุขภาพที่ดี พร้อมรับบริการตรวจคัดกรองก่อนเกิดโรค และเข้ารับการรักษาตามสิทธิหากพบภาวะเสี่ยง ช่วยลดเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิต    

วันที่ 1 พ.ค. 2567 นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เป็นสิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท ที่ครอบคลุมดูแลคนไทยทุกคนทุกกลุ่ม รวมถึงกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่เป็นผู้ประกันตนที่มีสิทธิรักษาพยาบาลในระบบประกันสังคม เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกันตนได้รับบริการสร้างเสริมสุขภาพฯ ที่ครอบคลุมและมีสุขภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น

ด้วยวันที่ 1 พฤษภาคม ของทุกปีเป็น “วันแรงงาน” เพื่อให้ทุกฝ่ายให้ความสำคัญต่อผู้ใช้แรงงานที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของทุกประเทศรวมถึงประเทศไทย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จึงขอร่วมรณรงค์ การสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคแก่กลุ่มผู้ใช้แรงงานที่เป็นผู้ประกันตนในวันแรงงานนี้เพื่อให้กลุ่มแรงงานคนไทยมีสุขภาพดี มีการเฝ้าระวัง ลดภาวะเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจากโรคที่ป้องกันได้ สปสช. จึงขอเชิญชวนผู้ใช้แรงงานเข้ารับบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคที่เป็นชุดสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ทั้งนี้ สปสช. ได้มีการบูรณาการความร่วมมือกับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ในการจัดระบบบริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค สำหรับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ในปีนี้ และได้ทำการ Kick off การบูรณาการตรวจสุขภาพเชิงรุกในสถานประกอบการ โดยเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา 

นพ.จเด็จ กล่าวว่า การบูรณาการสิทธิประโยชน์การสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคร่วมกันระหว่างสองหน่วยงานในครั้งนี้ ทำให้ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคได้ในสถานพยาบาลในระบบประกันสังคมที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นอกจากผู้ประกันตนจะได้รับการตรวจสุขภาพประจำปี 14 รายการตามสำนักงานประกันสังคมกำหนดแล้ว ยังสามารถเข้ารับบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค จำนวน 24 หมวดรายการที่ สปสช.กำหนดด้วย ดังนี้

1.ตรวจมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง FIT test (อายุ 50 ปีขึ้นไป 1 ครั้ง) 2.ตรวจน้ำตาลในเลือด Fasting Blood Sugar (อายุ 35 ปีขึ้นไป 1 ครั้งปี) 3.ตรวจดูความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด CBC (หญิง อายุ 13-34 ปี ตรวจ 1 ครั้ง ชายอายุ 15-34 ปี ตรวจ 1 ครั้ง ทั้งชายและหญิงอายุ 35 ปีขึ้นไป 1 ครั้ง/ปี) 4. ตรวจไขมันในเลือดชนิด Total Cholesterol & HDL (อายุ 20-34 ปี ตรวจ 1 ครั้งทุก 5 ปี/ อายุ35 ปีขึ้นไป 1 ครั้ง/ปี) 5.ตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบ HBsAg (สำหรับผู้ที่เกิดก่อน พ.ศ. 2535 ตรวจ 1 ครั้ง/ปี) 6.ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วย HPV DNA test และตรวจยืนยันมะเร็งปากมดลูก หรือ 7.ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วย Pap smear และตรวจยืนยันมะเร็งปากมดลูก หรือ 8.ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วย VIA และตรวจยืนยันมะเร็งปากมดลูก 9.ตรวจคัดกรองและค้นหาวัณโรคในกลุ่มเสี่ยงสูง ไม่เกิน 1 ครั้ง/คน/ปี 10.ตรวจคัดกรองรอยโรคเสี่ยงมะเร็งและมะเร็งช่องปาก (อายุ 40 ปีขึ้นไป)

11.บริการให้คำปรึกษาและเคลือบฟลูออไรด์ในกลุ่มเสี่ยง (อายุ 25-59 ปี ไม่เกิน 2 ครั้ง/ปี) 12.การตรวจยืน BRCA 1/BRCA 2 ในกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มีความเสี่ยงสูงและญาติสายตรงที่มีประวัติครอบครัวตรวจพบยีนกลายพันธุ์ 13.ให้ยาเม็ดเสริมธาตุเหล็ก เพื่อป้องกันโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก หญิงวัยเจริญพันธุ์ (อายุ 25-45 ปี 1 ครั้ง/ปี) 14.วางแผนครอบครัวและการป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ ในเพศชายและหญิงวัยเจริญพันธุ์ (ตามความสมัครใจ) 15.คัดกรองและประเมินปัจจัยเสี่ยงสุขภาพกาย/สุขภาพจิต (15-59 ปี) 16.ตรวจคัดกรองและตรวจยืนยันโรคไวรัสตับอักเสบ ซี (สำหรับผู้ที่เกิดก่อน พ.ศ. 2535 ตรวจ 1 ครั้งตลอดชีวิต, กลุ่มเสี่ยง 5 กลุ่ม ตรวจ 1 ครั้ง/คน/ปี) 17.ตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง (HIV Self screening test) ไม่เกิน 1 ชุด/วัน 18.การทดสอบการตั้งครรภ์ 19. บริการฝากครรภ์ 20. บริการป้องกันและควบคุมโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียในหญิงตั้งครรภ์ 

21.บริการป้องกันและควบคุมกลุ่มอาการดาวน์ในหญิงตั้งครรภ์ 22.บริการคัดกรองธาลัสซีเมีย และคัดกรองชิฟิลิสในสามี หรือคู่หญิงตั้งครรภ์ 23.บริการตรวจหลังคลอด และ 24. บริการยุติการตั้งครรภ์

นพ.จเด็จ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในอดีตที่ผ่านมา ผู้ประกันตนเข้ารับบริการตรวจสุขภาพประจำปีได้เฉพาะสถานพยาบาลในระบบประกันสังคมเท่านั้น ภายหลังที่มีการบูรณาการสิทธิประโยชน์การสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคร่วมกัน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 เป็นต้นไป จะทำให้ผู้ประกันตนสามารถเข้าถึงบริการตามชุดสิทธิประโยชน์ครบถ้วนทุกรายการตามที่ทั้งสองหน่วยงานกำหนด ในสถานพยาบาลที่อยู่ในระบบประกันสังคม และได้ขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการที่รับการส่งต่อเฉพาะด้านสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

ทั้งนี้ จะช่วยเพื่อเพิ่มความสะดวกในการรับบริการแก่ผู้ประกันตน โดย ในปีนี้ สปสช. ได้ดำเนินการและเชิญชวนให้สถานพยาบาลที่ดูแลผู้ประกันตน รวมถึงห้องพยาบาลในสถานประกอบการ มาร่วมขึ้นทะเบียนเป็น “หน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประเภทหน่วยบริการที่รับการส่งต่อเฉพาะด้านสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค” เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกันในการเข้ารับบริการสร้างเสริมสุขภาพฯ ชุดสิทธิประโยชน์บัตรทอง และชุดสิทธิประโยชน์ประกันสังคมที่สถานพยาบาลในแห่ง
เดียว

  
“วันนี้ขอเชิญชวนผู้ประกันตนคนไทยทุกคน มาร่วมรับบริการสร้างเสริมสุขภาพฯ กับ สปสช. ตามรายการข้างต้นนี้เพื่อจะได้มีสุขภาพที่ดี หากพบภาวะเสี่ยงต่อโรคจะได้เข้าสู่การรักษาตามสิทธิรักษาพยาบาล รวมถึงการปรับพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ เพื่อลดการเจ็บป่วยและโอกาสเสียชีวิตในโรคนั้นๆ เบื้องต้นสามารถตรวจสอบสิทธิผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ในเมนูกระเป๋าสุขภาพได้” เลขาธิการ สปสช. กล่าว