รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ร่วม ททท. จัดงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2567 โชว์สมุนไพร  รับมือโลกร้อน หวังลดป่วยตายจากโรคลมแดด หลังมีข้อมูลคร่าชีวิตคนไทยปีละ 33 คน  เปิดพืชผักสมุนไพรสู้อุณภูมิร้อน

 

เมื่อวันที่ 29 มีนาคม  ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์   ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร เลขาธิการมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เปิดเผยว่า มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2567 ครั้งที่ 42 ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม- 1 เมษายน 2567  โดยมูลนิธิฯ อยู่ในโซนภาคตะวันออก ซึ่งจะมีกิจกรรมภายในพิพิธภัณฑ์พระจุฑาธุชราชฐาน เกาะสีชัง เน้นไฮไลท์สมุนไพรไทย ภูมิปัญญาไทย รับมือกับโลกร้อน อาทิ เมนูอาหารที่ให้ร่างกายชุ่มชื้น อาหารต้านอนุมูลอิสระ อาหารจากดอกไม้ รวมถึงหัตถการดูแลสุขภาพในช่วงอากาศร้อน เพราะช่วงหน้าร้อนภัยสุขภาพที่น่ากังวลคือโรคลมแดด (Heatstroke) จากสถิติกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พบว่า 7 ปี มีคนไทยเสียชีวิตจากโรคลงแดด 234 คน หรือปีละ 33 คน นอกจากนี้ การสะสมความร้อนในร่างกายมากเกินไปและต่อเนื่อง จะทำให้เกิดภาวการณ์อักเสบเรื้อรังในร่างกายและส่งผลให้เกิดการเจ็บป่วยในอนาคตได้

เลขาธิการมูลนิธิรพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า ทั้งนี้ การป้องกันและจัดการผลกระทบต่อสุขภาพจากความร้อน ตามภูมิปัญญาดั้งเดิม ว่า ความร้อนที่สะสมในร่างกาย ทำให้เกิดการสูญเสียระบายความร้อน ส่งผลให้ไฟกำเริบ  กระทบต่อ จิตใจ ทำให้เกิดอารมณ์ฉุนเฉียว นอนไม่หลับ ความดันโลหิตสูงขึ้น กระทบต่อกลไกการควบคุมความร้อนของตับเสียสมดุล อาจมีอาการร้อนในได้ง่ายขึ้น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ นอกจากนี้ ยังกระทบต่อสมอง ทำให้เกิดอาการปวดหัวหน้ามืดวิงเวียน สมุนไพรที่จะนำมาส่งเสริมกลไกขับความร้อนของร่างกายให้ทำงานได้ปกติ ได้แก่ ยาหอมเทพจิตร ดื่มน้ำลอยมะลิ น้ำใบบัวบก น้ำย่านาง น้ำมะพร้าว น้ำตรีผลา ลดอารมณ์ฉุนเฉียว รับประทานอาหารรสขม ยาเขียวหอมในช่วง 10.00 น. หรือ 14.00 น. หลีกเลี่ยงของมันของทอดเพื่อควบคุมความร้อนในตับ และใช้ยาหอมทิพโอสถ กินอาหารที่มีฤทธิ์เย็น พอกยา พอกหน้า ใช้แป้งเย็น สระยาเย็น ยาอาบ ยาแช่ เพื่อลดอาการปวดหัว หน้ามืด และวิงเวียน

ภญ.สุภาภรณ์ กล่าวต่อว่า หลักในการนำสมุนไพรในการมาดูแลตัวเองในช่วงที่มีอากาศร้อนว่า อาบน้ำ เช็ดตัวหรือใช้แป้งร่ำ หรือพ่นด้วยสเปรย์รางจืด กินตำรับตรีผลา , กินอาหารรสเย็น เช่น รางจืด ฟักแฟง แตงโมแตงกวา น้ำเต้า หรือใช้เมนูอาหาร ยำดอกแค ซุปฟักข้าว ข้าวแช่น้ำลอยดอกมะลิ เป็นต้น, กินอาหารที่ทำให้ร่างกายชุ่มชื่น เช่น กระเจี๊ยบแดง แตงโม ฟักแฟง ส่วนเมนูที่แนะนำคือ แตงโมหน้าปลาแห้ง สมูทตี้ดับกระหายคลายร้อน ต้มฟักใส่ไก่สับดอกบัวสาย , กินอาหารรสเผ็ดร้อนให้เหงื่อออก จะช่วยระบายความร้อนที่สะสมอยู่ในร่างกาย และยังสามารถเสริมอาหารและเครื่องดื่มสมุนไพรที่ช่วยต้นอนุมูลอิสระลดการอักเสบ เช่น ขิง ขมิ้นชัน มะขามป้อม เป็นต้น

แนะ 12 พืชผักสมุนไพรสู้อากาศร้อน

ทั้งนี้ ภายในบูทของอภัยภูเบศ ยังมีการแนะนำอาหารจากดอกไม้และสมุนไพรเพื่อคลายร้อน อาทิ พืชผัก และสมุนไพรที่แนะนำช่วงหน้าร้อนมี 12 ชนิด คือ ฟักเขียว  ใบบัวบก แตงโม รางจืด ว่านกาบหอย สายบัว แตงกวา ว่านหางจระเข้ ฟักข้าว ผักเป็ด น้ำเต้า และรากบัว  

พร้อมแจกสูตรฟรี อาทิ ยำดอกไม้น้ำปลาหวาน ยำดอกกุหลาบ แกงส้มผักปลัง ข้าวยำปักษ์ใต้ เมี่ยงคำกลีบบัว แกงจืดไข่น้ำดอกเล็บมือนาง ซุปดอกกระเจียว ข้าวแช่น้ำลอยดอกมะลิ ลาบดอกบัว ผู้สนใจสามารถเข้าเยี่ยมชมบูทอภัยภูเบศรได้ในโซนภาคตะวันออก ตั้งแต่28 มีนาคม -1 เมษายน 2567