กรมการแพทย์เผยเด็กก่อเหตุเคยรักษาที่รพ.เด็ก ไม่ใช่รพ.ราชวิถี รักษามาประมาณ 1 ปี ส่วนรายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยเป็นข้อมูลคนไข้ ด้านรพ.จุฬาฯ เผยรับดูแลผู้บาดเจ็บ 3 คน มี 2 คนอาการยังวิกฤติ ส่วนกรมสุขภาพจิตลงพื้นที่ดูแลจิตใจผู้ได้รับบาดเจ็บและญาติแล้ว

 

จากเหตุการณ์ยิงในสยามพารากอน พบผู้ก่อเหตุเป็นเด็กชายวัย 14 ปีจนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ เบื้องต้นผบ.ต.ระบุมีประวัติรักษาอาการทางจิตเวช ที่รพ.ราชวิถี แต่ขาดยา ขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำส่งรพ.ต่างๆ ทั้งรพ.ตำรวจ   รพ.จุฬาลงกรณ์   และรพ.กรุงเทพคริสเตียน  

มีประวัติรักษารพ.เด็กตั้งแต่ ก.พ.

เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ตามที่มีข่าวว่าเด็กชายอายุ 14 ปีที่ก่อเหตุในห้างสรรพสินค้าดังกลางเมืองนั้น เคยรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชวิถี ข้อเท็จจริงพบว่า รักษาตัวที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี หรือรพ.เด็ก ซึ่งรักษามาเมื่อประมาณเกือบ 1 ปีตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ก่อนหน้านี้อาจมีการรักษาที่อื่น อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดการรักษาได้ เนื่องจากเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลผู้ป่วยจึงต้องระมัดระวังในเรื่องนี้

นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร

จุฬาฯรับรักษา 3 คน  ยังอยู่ไอซียู 2 คน

รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผอ. รพจุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้ผู้บาดเจ็บทั้ง 3 คนคงรักษาตัวในโรงพยาบาล โดย 2 คน ยังคงอยู่ในห้องผู้ป่วยวิกฤติ(ไอซียู) อีก 1  คนสามารถนำตัวมาพัก ฟื้นในห้องผู้ป่วยทั่วไปได้แล้ว อย่างไรก็ตาม การดูแลจากนี้ยังคงต้องดูแลแบบครบวงจร ทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ  เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดความวิตกกังวลกับผู้ประสบเหตุ  ส่วนรายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยอาการคนไข้มากไปกว่านี้ได้

จิตแพทย์ส่งทีมเยียวยาผู้รับผลกระทบทั้งหมด

ด้าน พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้ตนอยู่ที่โรงพยาบาล (รพ.) จุฬาลงกรณ์ เพื่อมาเยี่ยมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่ห้างพารากอน เมื่อวานนี้ (3 ต.ค.) เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดจะได้รับการดูแลทั้งทางร่ายกายและจิตใจ รวมถึงการเยียวยาจิตใจครอบครัวผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย และได้แจ้งกับทาง รพ. ว่าหากมีอะไรที่ต้องการความช่วยเหลือจากกรมสุขภาพจิต เราก็พร้อมให้การดูแลอย่างเต็มที่ เพราะเรามีทีม MCATT ที่คอยดูแลเรื่องสุขภาพจิตหลังเกิดความรุนแรงต่างๆ ซึ่งจะมีการรวบรวมตัวเลขผู้ที่ได้รับผลกระทบทางจิตใจเพื่อการดูแลต่อไป อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ตนก็จะเดินทางไปที่ห้างพารากอน เพื่อเปิดพื้นที่ดูแลเรื่องจิตใจผู้ที่ได้รับผลกระทบทางจิตใจจากเหตุที่เกิดขึ้น เช่น ผู้ที่อยู่ใกล้เคียง พนักงานห้างร้าน คนทำงานในห้าง

กรมสุขภาพจิตพร้อมร่วมประเมินอาการจิตเวช

เมื่อถามถึงที่มีการระบุว่าเด็กชายผู้ก่อเหตุเป็นผู้ป่วยจิตเวช ที่ขาดยา ทำให้เกิดภาวะหลอนแล้วไปก่อความรุนแรง พญ.อัมพรกล่าวว่า ตนได้รับทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาให้ข้อมูลนี้ทางสื่อ ซึ่งเด็กอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทีมจากกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ทางกรมฯ จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า หากมีประเด็นทางจิตเวชที่ต้องมีการประเมิน เพื่อช่วยเหลือและรักษา ทางกรมฯ ได้เตรียมหน่วยงานรองรับไว้แล้ว และพร้อมร่วมมือกับตำรวจในการให้ข้อมูลไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเจ็บป่วย หรือเหตุเกี่ยวข้องใดๆ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีและการดูแล

“ประเด็นที่สังคมจะได้ประโยชน์มากกว่าอาจจะไม่ใช่การสรุปว่าเด็กเจ็บป่วยหรือไม่ แต่เป็นการวิเคราะห์เหตุการณ์ว่า ไม่ว่าเด็กจะเป็นอะไรก็ตาม แต่สังคมต้องตื่นตัวกับการป้องกันความรุนแรง ไม่ว่ารายนี้จะเจ็บป่วยหรือไม่ แต่เด็กทุกคนที่เจ็บป่วยทางจิตต้องได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง ไม่ว่ารายนี้จะขาดยาหรือไม่แต่ผู้ป่วยทุกคนต้องไม่ขาดยา และต้องได้รับการดูแลที่เหมาะสมจากแพทย์ พร้อมกับได้รับความร่วมมือจากครอบครัว” พญ.อัมพร กล่าว

ข่าวเกี่ยวข้อง : จิตแพทย์ วอนอย่าเผยแพร่คลิป - ภาพเหตุกราดยิงกลางห้างใหญ่ กระทบผู้สูญเสีย เร่งส่งทีมดูแลจิตใจ