สปสช.เพิ่มทางเลือกผู้มีสิทธิบัตรทองที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล 5 จังหวัด รับบริการการแพทย์ทางไกล (telemedicine) พบหมอออนไลน์ ผ่าน 4 แอปพลิเคชันสุขภาพ ครอบคลุม 42 กลุ่มโรค/อาการ พร้อมจัดระบบส่งยาถึงบ้าน
สำหรับผู้มีสิทธิบัตรทอง ไม่ว่าสถานพยาบาลประจำตัวจะอยู่ที่ไหน ทั้งกรุงเทพฯหรือต่างจังหวัด หากปัจจุบันท่านพักอาศัยหรือมาทำธุระที่กรุงเทพและปริมณฑล 5 จังหวัด แล้วเกิดอาการเจ็บป่วยตามกลุ่มโรคและอาการที่กำหนด สามารถใช้บริการแล้วรอรับยาตามที่อยู่ที่จัดส่งยาได้ที่กรุงเทพฯ เผยหลังนำร่องที่กรุงเทพฯ มีผู้ใช้บริการแล้ว 9,447 คน 20,455 ครั้ง
วันที่ 16 ก.ค. 2566 นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า หลังจากที่ สปสช.ได้เพิ่มทางเลือกใหม่ให้ประชาชนสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทองหรือบัตร 30 บาท) ที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร หากมีอาการเจ็บป่วยเบื้องต้น ครอบคลุม 42 กลุ่มโรคและอาการ สามารถรับบริการการแพทย์ทางไกลหรือ telemedicine ได้ พร้อมจัดส่งยาถึงบ้าน โดยร่วมมือกับผู้ให้บริการแอปพลิเคชันด้านสุขภาพดิจิทัล 4 แห่ง
ผลจากการดำเนินการที่ผ่านมา พบว่าให้บริการผู้ป่วยไปแล้ว 9,447 คน 20,455 ครั้ง โดยกลุ่มโรค 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.การติดเชื้อทางเดินหายใจในส่วนบนแบบเฉียบพลันหลายแห่งพร้อมกัน 6,815 คน 13,442 ครั้ง 2.กล้ามเนื้อเคล็ด 517 คน 1,106 ครั้ง 3.ปวดกล้ามเนื้อ 442 คน 965 ครั้ง 4.ลมพิษ 383 คน 822 ครั้ง และ 5.คออักเสบเฉียบพลัน 377 คน 803 ครั้ง จากข้อมูลจะเห็นได้ว่าผู้ป่วยที่เคยใช้บริการไปแล้ว กลับมาใช้ซ้ำอีกครั้ง นั่นหมายถึงบริการนี้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ป่วยได้ สะดวก รวดเร็ว ลดค่าใช้จ่ายจากการเดินทางไปที่หน่วยบริการ เพิ่มการเข้าถึงบริการ ลดความแออัดหน่วยบริการ ลดเวลารอคอย
ขยายบริการการแพทย์ทางไกลครอบคลุมปริมณฑล 5 จังหวัด
เลขาธิการ สปสช. กล่าวต่อว่า เมื่อผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ สปสช.จึงได้ขยายบริการการแพทย์ทางไกลครอบคลุมปริมณฑล 5 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม โดยประชาชนสิทธิบัตรทองทองที่อยู่ในปริมณฑล 5 จังหวัดดังกล่าว เมื่อเจ็บป่วยเบื้องต้น ท่านสามารถพบหมอออนไลน์ พร้อมรอรับยาที่บ้านได้ โดยบริการนี้ครอบคลุมผู้มีสิทธิบัตรทองทั้งหมดไม่ว่าหน่วยบริการประจำของท่านจะอยู่ที่ไหนทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด หากเดินทางมาทำธุระใน กทม.และปริมณฑล 5 จังหวัด เป็นระยะเวลาหนึ่ง แล้วเกิดอาการเจ็บป่วยตาม 42 กลุ่มโรคหรืออาการดังกล่าว ก็สามารถใช้สิทธิได้ ขอให้ท่านมีที่อยู่สำหรับการจัดส่งยา ก็รับยาและรักษาตัวตามคำแนะนำของแพทย์ผ่านระบบออนไลน์ได้
ความร่วมมือกับผู้ให้บริการแอปพลิเคชันด้านสุขภาพดิจิทัล จำนวน 4 แห่ง ได้แก่
1. แอปพลิเคชัน Clicknic (คลิกนิก) โดยคลิกนิกเฮลท์คลินิกเวชกรรม สอบถามเพิ่มเติม ไลน์ไอดี @clicknic (ให้บริการครอบคลุม กทม.และปริมณฑล 5 จังหวัด)
2.โททอลเล่เทเลเมด (Totale Telemed) โดยเดอะโททอลเล่คลินิก สอบถามเพิ่มเติม ไลน์ไอดี @totale (ให้บริการครอบคลุม กทม.และปริมณฑล 5 จังหวัด)
3. แอปพลิเคชัน Mordee (หมอดี) โดยชีวีบริรักษ์ คลินิกเวชกรรม สอบถามเพิ่มเติม ไลน์ไอดี @mordeeapp ลงทะเบียนรับบริการได้ที่ https://form.typeform.com/to/qKY8gV4X (ให้บริการครอบคลุม กทม.และปริมณฑล 5 จังหวัด)
และ 4.แอปพลิเคชัน Saluber MD (ซาลูเบอร์ เอ็ม ดี) โดยสุขสบายคลินิกเวชกรรม สอบถามเพิ่มเติม ไลน์ไอดี @Sooksabaiclinic ลงทะเบียนรับบริการได้ที่ http://www.telemed.salubermdthai.com/ (ขณะนี้ยังให้บริการครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพมหานครเท่านั้น)
นพ.จเด็จ กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนการใช้บริการนั้น ประชาชนสิทธิบัตรทองที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล 5 จังหวัด หากมีอาการเจ็บป่วยตาม 42 กลุ่มโรคและอาการ ท่านสามารถเลือกใช้บริการทั้ง 4 แอปนี้ได้ โดยติดต่อผ่านไลน์ของทั้ง 4 แอป จะมีเจ้าหน้าที่แนะนำขั้นตอน เมื่อพบแพทย์ออนไลน์แล้ว ก็จะมีการจัดส่งยาไปให้ที่บ้านหรือที่อยู่ที่ท่านพักอาศัย ทั้งนี้ ผู้มีสิทธิบัตรทองที่มีหน่วยบริการประจำอยู่ต่างจังหวัด แต่หากเดินทางมาทำธุระใน กทม.และปริมณฑล 5 จังหวัดเป็นระยะเวลาหนึ่ง แล้วเกิดอาการเจ็บป่วยตาม 42 กลุ่มโรคหรืออาการดังกล่าว ก็สามารถใช้สิทธิได้ ขอให้ท่านมีที่อยู่สำหรับการจัดส่งยา ก็รับยาและรักษาตัวตามคำแนะนำของแพทย์ผ่านระบบออนไลน์ได้
ในส่วนของหน่วยบริการนั้น นพ.จเด็จ กล่าวว่า มีการจัดระบบ AMED Telehealth ซึ่งเป็นระบบบริการทางการแพทย์ทางไกลที่ดำเนินการโดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) รองรับ เพื่อให้ผู้ให้บริการฯ บันทึกข้อมูลการให้บริการผู้ป่วย และข้อมูลใช้ในการเบิกจ่ายชดเชยค่าบริการจาก สปสช. ซึ่งผู้ป่วยจะได้รับตรวจวินิจฉัยและให้คำปรึกษาผ่านบริการการแพทย์ทางไกล ค่ายาและเวชภัณฑ์ รวมถึงการจัดส่งยาให้ผู้ป่วย
ทั้งนี้บริการแพทย์ทางไกลครอบคลุม 42 กลุ่มโรคและอาการ ดังนี้ 1.ข้อเสื่อมหลายข้อ 2.ตาแดงจากไวรัส 3.ตาแดงจากไวรัส ที่มิได้มีรหัสระบุรายละเอียด 4.ข้อเสื่อมโดยทั่วไปปฐมภูมิ 5.เนื้อเยื่ออักเสบ 6.วิงเวียน มึน 7.ปวดศีรษะ 8.อาหารเป็นพิษจากเชื้อแบคทีเรียอื่น 9.อาการท้องร่วง 10.กระเพาะและลำไส้อักเสบจากการติดเชื้อ 11.ไข้ไม่ทราบสาเหตุ 12.ความผิดปกติของระบบการทรงตัวของหู 13.โรคตากุ้งยิงและตุ่มอักเสบเรื้อรังที่หนังตา 14.การอักเสบของเยื่อบุตา 15.การติดเชื้อไวรัส ที่มิได้ระบุรายละเอียด 16.กล้ามเนื้อเคล็ด 17.ติดเชื้อไวรัสไม่ระบุตำแหน่งที่เป็น 18.ข้ออักเสบข้อเดียว ที่มิได้มีระบุรายละเอียด 19.เยื่อบุจมูกและลำคออักเสบเฉียบพลัน(หวัดธรรมดา) 20.ไข้ ไม่ระบุชนิด
21.เวียนศีรษะบ้านหมุนเฉียบพลัน แบบไม่รุนแรง 22.ปวดท้องช่วงบน 23.การติดเชื้อทางเดินหายใจในส่วนบนแบบเฉียบพลันหลายแห่งพร้อมกัน 24.ลมพิษ 25.ปวดท้อง และปวดอุ้งเชิงกราน 26.เยื่อบุตาอักเสบเฉียบพลัน ที่มิได้ระบุรายละเอียด 27.ลมพิษ ที่มิได้ระบุรายละเอียด 28.ปวดหลังส่วนล่าง 29.คออักเสบเฉียบพลัน 30.ต่อมทอนซิลอักเสบเฉียบพลัน
31.คออักเสบเฉียบพลัน ที่มิได้ระบุรายละเอียด 32.การติดเชื้อทางเดินหายใจในส่วนบนแบบเฉียบพลัน 33.กระเพาะอาหารอักเสบ ที่มิได้ระบุรายละเอียด 34.อาการปวดท้องอื่นๆ และอาการปวดท้องที่ไม่ระบุ 35.ข้ออักเสบหลายข้อ ที่มิได้ระบุรายละเอียด 36.ต่อมทอลซิลอักเสบเฉียบพลัน ที่มิได้ระบุรายละเอียด 37.เยื่อจมูกอักเสบจากการแพ้ ที่มิได้ระบุรายละเอียด ปวดกล้ามเนื้อ 38.เยื่อจมูกอักเสบจากการแพ้หรือการเปลี่ยนอากาศ 39.ข้ออักเสบแบบอื่น 40.ไซนัสอักเสบเฉียบพลัน 41.ไซนัสอักเสบเฉียบพลัน ที่มิได้ระบุรายละเอียด และ 42.การติดเชื้อโควิด-19 กลุ่มสีเขียว ที่มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย
- 2037 views