อธิบดีกรมควบคุมโรค ส่งหนังสือถึงนายกสมาคมรพ.เอกชน หยุดตรวจเอชไอวี ให้สถานประกอบการ ใช้เป็นข้ออ้างไม่รับคนทำงาน กระทบแผนยุติเอดส์ชาติ ผู้ติดเชื้อไร้งานทำ ขัดรัฐธรรมนูญ-อนุสัญญาแรงงาน  เผยผลศึกษาคนติดเชื้อกินยาต่อเนื่องไม่แพร่เชื้อ

 

ขอความร่วมมือรพ.เอกชนกรณีการตรวจเอชไอวี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ในแวดวงสาธารณสุขมีการแชร์หนังสือของกรมควบคุมโรค ขอความร่วมมือรพ.เอกชน ไม่รับตรวจเอชไอวีกับสถานประกอบการที่จะนำผลมาพิจารณาเข้ารับทำงาน โดยเป็นหนังสือเลขที่ สธ.จ0413.9/2109 ลงนามโดย นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค   เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ส่งถึง นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เพื่อ ขอความร่วมมือรพ.เอกชนไม่รับตรวจเอชไอวีเพื่อประกอบการพิจารณารับเข้าทำงานหรือใช้ในการประเมินบุคคล

โดยใจความระบุว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติว่าด้วยการยุติปัญหาเอดส์ พ.ศ. 2560-2573 ที่คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ เสนอเมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2560 มีเป้าหมาย 3 ประการคือ 1. ลดการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ลงให้ต่ำกว่า 1,000 คนต่อปี 2. ลดการเสียชีวิตจากโรคเอดส์ลงให้ได้ต่ำกว่า 4,000 คนต่อปี และ 3. ลดการเลือกปฏิบัติจากเอดส์เหลือไม่เกินร้อยละ 10

 

ดังนั้น กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะเลขานุการของคณะกรรมการดังกล่าว โดยกองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ได้รวบรวมข้อมูลสถานการณ์ปัญหาการเลือกปฏิบัติในกลุ่มผู้ติดเชื้อเอชไอวี พบว่า ปัญหาสำคัญคือการถูกกีดกันโอกาสในการทำงาน โดยมักถูกสถานประกอบการบังคับหรือกำหนดเงื่อนไขให้ต้องตรวจหาเชื้อเอชไอวีก่อนรับเข้าทำงาน ส่งผลให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีไม่มีงานทำ ขาดรายได้เลี้ยงดูตนเองและครอบครัว สาเหตุเพราะผู้ประกอบการยังมีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเอชไอวี /เอดส์ จึงกังวลว่าหากรับผู้ติดเชื้อเอชไอวีเข้าทำงานจะเป็นภาระ

 

ทั้งนี้ ปัจจุบันการแพทย์ก้าวหน้า ทำให้สถานการณ์ผู้ติดเชื้อเอชไอวีเปลี่ยนแปลงจากเดิมอย่างมาก โดยมีการศึกษาพบว่า ผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่เข้าสู่การรักษากินยาต่อเนื่อง จะตรวจไม่พบเชื้อเนื่องจากปริมาณไวรัสในกระแสเลือดต่ำมากๆ จนไม่สามารถถ่ายทอดเชื้อไปให้ผู้อื่นได้ ในระดับสากลจึงมีการรณรงค์เรื่อง U=U (Undetectable=Untransmutable) หรือตรวจไม่พบเชื้อเท่ากับไม่ถ่ายทอดเชื้อ อีกทั้งในปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีเข้าสู่การรักษามากกว่าร้อยละ 90 และมีสุขภาพแข็งแรงไม่แตกต่างจากคนที่ไม่ติดเชื้อเอซไอวี สามารถทำงานได้ ไม่ป่วยเป็นโรคเอดส์

 

กรมควบคุมโรค จึงขอความร่วมมือโรงพยาบาลเอกชนไม่รับให้บริการตรวจเอชไอวีในการตรวจสุขภาพผู้สมัครงานหรือบุคคลที่เตรียมบรรจุเป็นพนักงาน หรือตรวจสุขภาพจำปีให้กับสถานประกอบการหรือหน่วยงานภาคเอกชน เพื่อนำผลไปประกอบการพิจารณารับหรือประเมินบุคคล ซึ่งถือเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 27 รวมถึงกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมและอนุสัญญาแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 111 กำหนดไว้