ใส่ผ้าอนามัยนาน ทําให้เป็นโรคมะเร็งปากมดลูก ข้อมูลเท็จ!
อย่าเชื่อ! ใส่ผ้าอนามัยนาน ทําให้เป็นโรคมะเร็งปากมดลูก ความจริงของมะเร็งปากมดลูก เกิดจากอะไร วิธีป้องกันมะเร็งปากมดลูก ทำได้หรือไม่
พบคำเตือนในโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ใส่ผ้าอนามัยนาน ทําให้เป็นโรคมะเร็งปากมดลูก เป็นความเชื่อที่ผิด ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ความเชื่อนี้ไม่ถูกต้อง โดยข้อมูลวิชาการไม่พบความเกี่ยวข้องการใส่ผ้าอนามัยนานเกินไปกับการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก
แม้ว่า ใส่ผ้าอนามัยนาน ทําให้เป็นโรคมะเร็งปากมดลูก จะเป็นเรื่องไม่จริง แต่การใส่ผ้าอนามัยนานเกินไป ใช้ผ้าอนามัยแผ่นเดิมตลอดทั้งวัน ไม่เปลี่ยนแผ่นใหม่เลย จะส่งผลให้เกิดอันตรายได้ เพราะการใส่ผ้าอนามัยโดยไม่เปลี่ยนจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเกิดเชื้อราได้ ควรทำตามคำแนะนำระหว่างมีประจำเดือน ดังนี้
- ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 4 – 6 ชั่วโมง
- เปลี่ยนผ้าอนามัยตามปริมาณประจำเดือน วันไหนมามากให้เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย ๆ ช่วงใกล้หมดประจำเดือนหรือวันที่มาน้อย ก็ลดจำนวนครั้งลงได้
การใช้ผ้าอนามัยแผ่นเดียวนานเกินไป เสี่ยงเกิดการอับชื้น ไม่สะอาดได้ เมื่อเกิดอาการระคายเคือง อาการคัน ให้รีบพบแพทย์ เพราะอาจติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา หากปล่อยไว้นานเชื้อจะแพร่ไปที่ทางเดินปัสสาวะ เกิดโรคต่าง ๆ ได้
โรคมะเร็งปากมดลูก สาเหตุเกิดจากอะไร
โรคมะเร็งปากมดลูก เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Human Papillomavirus (HPV) เป็นสาเหตุหลัก โดยเชื้อไวรัส HPV จะพบได้มากกว่า 130 สายพันธุ์ แต่มี 40 สายพันธุ์ ที่เกี่ยวข้องกับการเกิดรอยโรคบริเวณอวัยวะเพศและทวารหนัก โดยเฉพาะ HPV สายพันธุ์ 16 และ 18 สำหรับความเสี่ยงของ โรคมะเร็งปากมดลูก มีดังนี้
- ติดเชื้อไวรัส HPV จากเพศสัมพันธ์ จึงควรป้องกันด้วยการสวมถุงยางอนามัย และไม่ควรเปลี่ยนคู่นอนบ่อย
- การสูบบุหรี่ เป็นปัจจัยร่วมที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรค
- การมีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ ก็เป็นอีกปัจจัยร่วม
สัญญาณเตือนของโรคมะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูก เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย จากนโยบายการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกระดับประเทศ ทำให้อุบัติการณ์มะเร็งปากมดลูกลดลง ในปี 2566 มะเร็งปากมดลูกจัดอยู่ในอันดับ 5 ของมะเร็งที่พบบ่อยในผู้หญิงไทย มีผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ยวันละ 15 ราย หรือ 5,422 คนต่อปี เสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 6 ราย หรือ 2,238 คนต่อปี โดยสัญญาณเตือนของโรคมะเร็งปากมดลูก ได้แก่
- ตกขาว
- มีเลือดหรือของเหลวที่ผิดปกติออกทางช่องคลอด
- ประจำเดือนมามากหรือนานกว่าปกติ
ในระยะลุกลามอาจมีอาการปวดหน่วงบริเวณท้องน้อย ปัสสาวะขัดหรือถ่ายอุจจาระลำบาก เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
วิธีป้องกันมะเร็งปากมดลูก
ด้านนโยบายระดับประเทศได้ผลักดันให้ฉีดวัคซีน HPV กลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กผู้หญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 วัยก่อนมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ที่เหมาะสมในการได้รับวัคซีน แต่การฉีดวัคซีนไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสได้ทั้งหมด จึงควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกควบคู่ไปด้วย
สำหรับการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี HPV test ได้รับการผลักดันให้เป็นนโยบายของประเทศ ผู้หญิงไทยอายุระหว่าง 30-60 ปี สามารถเข้ารับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี HPV Test ได้ที่โรงพยาบาลตามสิทธิ์การรักษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เลิกความเชื่อกลัวการตรวจภายใน! "มะเร็งปากมดลูก" รู้ก่อนรักษาได้ดีกว่า
*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org
- 5333 views