เด็กกินยาแก้แพ้ ไม่ทำให้พัฒนาการเด็กช้าลง
ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ตรวจสอบกับสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรณีส่งต่อข้อมูลเรื่องเด็กทารกเกิดอาการแพ้ แล้วกินยาแก้แพ้ทุกครั้งที่มีอาการ ส่งผลให้ เด็กกินยาแก้แพ้ บ่อย ๆ จะมีพัฒนาการเด็กช้าลงนั้น เป็นเรื่องไม่จริง
จากข้อมูลบนโลกออนไลน์ระบุว่า เด็กทารกที่เกิดอาการแพ้ ให้กินยาแก้แพ้ตลอด พัฒนาการเรียนรู้ของเด็กจะช้าลง เพราะผลข้างเคียงของยาแก้แพ้ ทำให้ง่วงซึม สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันกับศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมว่า เป็นข้อมูลเท็จ พร้อมชี้แจงว่า การให้ยาแก้แพ้แก่เด็ก ซึ่งแพทย์ได้พิจารณาให้ยาแก้แพ้ตามขนาดและปริมาณที่เหมาะสม ไม่ได้ส่งผลต่อพัฒนาการด้านการเรียนรู้ สำหรับยาแก้แพ้กลุ่ม Antihistamine จะมีอยู่ 2 กลุ่มที่ทำให้ง่วงซึม ได้แก่
- ยาแก้แพ้ chlorpheniramine
- ยาแก้แพ้ hydroxyzine
อย่างไรก็ตาม เด็กกินยาแก้แพ้ ในกลุ่มนี้ จะให้ทานยาแก้แพ้เฉพาะช่วง หรือกินยาแก้แพ้ในช่วงที่มีอาการ เพียงระยะเวลาสั้น ๆ นอกจากนี้ ยังมียาแก้แพ้ cetirizine กลุ่มนี้ไม่ทำให้ง่วงซึม และใช้ในกลุ่มเด็กโต แต่ยาแก้แพ้ทั้งหมดที่กล่าวมา จากการศึกษาในปัจจุบันไม่พบว่า การทานยาแก้แพ้จะส่งผลต่อพัฒนาการด้านการเรียนรู้ของเด็ก จึงสรุปได้ว่า ยาแก้แพ้ไม่ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของเด็ก แต่การกินยาแก้แพ้ในเด็ก ไม่ควรซื้อยาเอง ต้องอยู่ใต้การดูแลของแพทย์
ส่วนกรณีเรื่อง พฤติกรรมการดูดนิ้ว กัดเล็บ ของเด็ก มีผลทำให้รอดพ้นจากโรคภูมิแพ้เมื่อโตขึ้น สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ยืนยันว่า เป็นเรื่องไม่จริง พฤติกรรมดังกล่าวไม่ช่วยให้เด็กรอดพ้นจากโรคภูมิแพ้ ซึ่งการดูดนิ้ว กัดเล็บ ของเด็ก ๆ จะพบได้บ่อยในกลุ่มเด็กเล็ก และหายไปเองเมื่ออายุ 4 ปีขึ้นไป แต่หากเด็กยังมีพฤติกรรมการดูดนิ้ว กัดเล็บ ไปต่อเนื่อง นอกจากจะไม่ช่วยให้เด็กรอดพ้นจากโรคภูมิแพ้แล้ว ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของเด็กด้วย เช่น
- เกิดการผิดรูปของฟัน จากการดูดนิ้ว กัดเล็บ
- กัดเล็บบ่อยจนเกิดบาดแผลที่นิ้วได้
- เมื่อเกิดบาดแผลจะเป็นช่องทางให้เกิดโรคติดเชื้อ ซึ่งแพร่กระจายผ่านน้ำลายและสารคัดหลั่ง
- การดูดนิ้ว กัดเล็บ เป็นประจำ ยังส่งผลต่ออารมณ์จิตใจ บุคลิกภาพของเด็ก
วิธีแก้ไขทำได้โดยงดการให้ความสนใจเมื่อเด็กทำพฤติกรรมดังกล่าว เบี่ยงเบนความสนใจให้เด็กทำกิจกรรมอื่น มุ่งเน้นไปที่กิจกรรมการเล่นที่ใช้มืออย่างการพับกระดาษ หรือวาดภาพระบายสี
โรคภูมิแพ้ที่พบบ่อยในเด็ก
โรคภูมิแพ้ที่ทำให้ เด็กกินยาแก้แพ้ หนึ่งในโรคที่สำคัญ คือ โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ซึ่งเป็นการอักเสบของเยื่อบุจมูกจากปฏิกิริยาภูมิแพ้ เกิดขึ้นเมื่อสัมผัสกับสารกระตุ้นภูมิแพ้ โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ จะรู้จักกันดีในชื่อ โรคแพ้อากาศ มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น สำหรับอาการที่พบบ่อยว่าอาจเป็นโรคภูมิแพ้ของจมูก โดยเฉพาะหากมีประวัติโรคภูมิแพ้ในครอบครัว ได้แก่
- เด็กป่วยเป็นหวัดบ่อย อาการหวัดเรื้อรัง เด็กบางคนมีอาการนานหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน
- จามบ่อย ๆ ในตอนเช้า
- คันตาเป็นประจำ เดี๋ยวเป็น เดี๋ยวหาย
- คัดจมูก หายใจไม่สะดวก
- มีน้ำมูกใส ๆ
วิธีดูแลเด็กป่วยด้วยภาวะโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้
หลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้และสิ่งที่กระตุ้น ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองต้องสังเกตว่า อะไรคือสิ่งกระตุ้น เช่น
- ตัวไรฝุ่น พบได้ภายในบ้าน ห้องนอน บนหมอนหรือตุ๊กตาที่ใช้นุ่นหรือสำลี วิธีกำจัดตัวไรฝุ่นทำได้โดยซักผ้าปูเตียง ปลอกหมอนด้วยน้ำร้อนอุณหภูมิสูงกว่า 60 องศาเซลเซียส นานอย่างน้อย 15 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ช่วยลดการสัมผัสต่อสารก่อภูมิแพ้จากตัวไรฝุ่นได้ดี
- ฝุ่นบ้าน จัดห้องนอนหรือห้องนั่งเล่น เป็นสิ่งที่สำคัญ ไม่ควรใช้พรมปูพื้น หรือวางข้าวของไว้รวมกัน ทำให้เกิดการกักเก็บฝุ่นได้ หมั่นดูแลทำความสะอาดด้วยการถูน้ำทุกวัน ช่วยกำจัดฝุ่นแล้วยังทำให้บ้านสะอาดทุกวันด้วย
- ควันบุหรี่ ไม่ควรให้เด็กอยู่ใกล้ควันบุหรี่ หรือถ้ามีคนสูบบุหรี่เข้ามาในบ้าน ต้องให้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที เนื่องจากควันบุหรี่ ทำให้มีอาการ น้ำมูกไหล จาม ตาแดง ไอ หรือหอบหืดได้
- สิ่งกระตุ้นภาวะโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้อื่น ๆ ได้แก่ ซากแมลง กลิ่นของสารเคมี และน้ำหอม
นอกจากนี้ ควรให้เด็กออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ระมัดระวังการติดเชื้อหวัดจากโรงเรียนหรือคนที่ใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ควรซื้อยาให้ เด็กกินยาแก้แพ้ ด้วยตัวเอง แต่ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อวินิจฉัยแยกจากโรคไซนัสอักเสบ โรคติดเชื้ออื่นในโพรงจมูก หรือภาวะที่มีสิ่งแปลกปลอมในโพรงจมูก และควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์โดยเคร่งครัด ไม่ควรงดใช้ยาเอง เนื่องจากยาบางชนิดอาจต้องใช้เวลาพอสมควรจึงจะเห็นผลในการรักษา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : "กินยาดักภูมิแพ้" ป้องกันไว้ก่อนได้ไหม
*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org
- 6082 views