ชมรมนักวิชาการสาธารณสุขฯ ยื่นหนังสือปลัด สธ.ติดตามความก้าวหน้าในสายงานและวิชาชีพ ทั้งกำหนดตำแหน่งนักสาธารณสุข ขอให้ช่วยติดตามการบรรจุข้าราชการโควิด พร้อมขอผู้บริหารช่วยลดความเหลื่อมล้ำกรณีการเลื่อนระดับเป็นชำนาญการพิเศษให้เท่าเทียมพยาบาลวิชาชีพ

 

นายริซกี  สาร๊ะ  เลขาธิการชมรมนักวิชาการสาธารณสุข(ประเทศไทย) กล่าวว่า ชมรมนักวิชาการสาธารณสุขฯ ได้เข้าร่วมประชุมร่วมกับปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในการหารือแลกเปลี่ยนแนวทางการพัฒนางานด้านสาธารณสุข โดยมีผู้แทนสมาคม ชมรม สภาวิชาชีพ สหภาพ/สหพันธ์ต่างๆ เข้าร่วม  ซึ่งชมรมฯ ได้ยื่นหนังสือถึงปลัดสธ. เพื่อขอให้ช่วยติดตามความก้าวหน้าในสายงานและวิชาชีพ ซึ่งมีประเด็นต่างๆ   ประกอบด้วย

 

ประเด็นที่ 1 การขอกำหนดตำแหน่งนักสาธารณสุขเพิ่มขึ้นใหม่ ซึ่ง อ.ก.พ.กระทรวงสาธารณสุขได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2565 มีมติเห็นชอบให้เสนอ ก.พ.พิจารณากำหนดตำแหน่งนักสาธารณสุขเป็นสายงานเพิ่มใหม่ของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขมีหนังสือด่วนมาก ที่ สธ 0208.02/10653 ลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2565 ถึงเลขาธิการ ก.พ. เพื่อพิจารณาและให้แจ้งสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขทราบด้วย

 

ประเด็นที่ 2 การขอรับจัดสรรอัตราข้าราชการใหม่ กรณีปฏิบัติงานด่านหน้าในสถานการณ์โควิด-19 แบ่งออกเป็น ข้อ 2.1 ตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) นัดพิเศษ วันที่ 3 เมษายน 2563 และมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2563 มีมติอนุมัติและเห็นชอบในหลักการ ให้บรรจุข้าราชการจากนักศึกษาผู้สำเร็จการศึกษาในปี 2563 จำนวน 4 สายงาน รวมทั้งสิ้น 7,579 อัตราคน คือสายงานแพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล และนักวิชาการสาธารณสุข ทั้งนี้พบว่า สายงานแพทย์  ทันตแพทย์ 3,142 อัตรา มีการบรรจุตั้งแต่ปี 2563 ส่วนพยาบาลวิชาชีพ 3,790 อัตรา ใช้วิธีการทยอยคัดเลือกบรรจุ แต่ยังมีสายงานนักวิชาการสาธารณสุข จำนวน 647 อัตรา ซึ่งเป็นผู้สำเร็จการศึกษาในปี 2563

 

นอกจากนี้ ในประเด็นข้อ 2.2  อ.ก.พ. กระทรวงสาธารณสุข มีมติเห็นชอบให้จัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ ที่ปฏิบัติงานโควิด   เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2564 จำนวน 63 สายงาน รวม 37,144 คน ต่อมากระทรวงสาธารณสุขได้มีหนังสือที่ สธ 0128.02/424 ลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 ถึงสำนักงานเลขาธิการ ก.พ. ว่าขอรับจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่

 

ประเด็นที่ 3 การเปลี่ยนสายงานข้าราชการที่ได้รับวุฒิเพิ่มขึ้นกรณีพิเศษในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข อ.ก.พ. กระทรวงสาธารณสุข มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การเปลี่ยนสายงานข้าราชการที่ได้รับวุฒิเพิ่มขึ้น กรณีพิเศษ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่  25 สิงหาคม 2564 ต่อมากระทรวงสาธารณสุขได้มีหนังสือที่ สธ 0128.02/424 ลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 ถึงสำนักงานเลขาธิการ ก.พ.ว่าขอหลักเกณฑ์การเปลี่ยนสายงานข้าราชการที่ได้รับวุฒิเพิ่มขึ้น กรณีพิเศษ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข

 

ประเด็นที่ 4 เงินเพิ่มพิเศษ พ.ต.ส ของวิชาชีพสาธารณสุขชุมชน ซึ่งกระทรวงดำเนินการพิจารณา  และมีการสื่อสารว่าจะแล้วเสร็จในกลางปี 2565  ประเด็นที่ 5 การปรับปรุงค่าตอบแทนฉบับที่ 10 ชายแดนใต้  ซึ่งมีการตั้งคณะทำงานตรวจราชการเขต 12 ตั้งแต่  ปี 2562  และประเด็นที่ 6 การจ้างงานลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการถ่ายโอน รพ.สตไปยังอบจ.  ซึ่งหลายคนถูกเลิกจ้าง อย่างไม่เป็นธรรม ส่งผลกระทบต่อรายได้ สภาพจิตใจ และคุณภาพชีวิต

 

“ทั้งนี้ ในประเด็นที่ 1-3 นับแต่มีมติอ.ก.พ.กระทรวงสาธารณสุข และวันที่มีหนังสือถึงเลขาธิการ ก.พ.จนถึงบัดนี้ เวลาได้ล่วงเลยมาเนิ่นนานแล้ว ยังไม่มีความคืบหน้า กรอบเวลาจากสำนักงาน ก.พ. แต่อย่างใด แต่ประเด็นที่ 2.1 เกี่ยวข้องกับกระทรวงสาธารณสุขโดยตรง แต่ในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมายังไม่ได้พิจารณาดำเนินการบรรจุตามมติครม.แต่ประการใด ส่วนประเด็นที่ 4 เรื่องเงินเพิ่มพิเศษ พ.ต.ส. ขอ สธ.ช่วยสื่อสารความคืบหน้าด้วยว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนใด” นายริซกี กล่าว

 

นายริซกี กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นที่ 5 เรื่องค่าตอบแทนฉ.10 ชายแดนใต้ ในระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ เช่นกัน จึงขอให้กระทรวงและคณะทำงานตรวจราชการเขต 12 พิจารณาดำเนินการให้แล้วเสร็จ รวมทั้งประเด็นที่ 6  เรื่องการจ้างงานลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการถ่ายโอน ขอให้สำรวจลูกจ้างที่ตกงาน ถูกเลิกจ้าง กรณีที่ไม่ยอมถ่ายโอน เพื่อหาแนวทางจ้างงานที่เหมาะสม

ทั้งนี้  ขอให้กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพลเรือน (ก.พ.)และผู้เกี่ยวข้องได้พิจารณาเร่งรัดและประสานงาน กับ ในประเด็นที่ 1 ถึง 4 และคณะทำงานตรวจราชการเขต 12  เร่งรัดพิจารณาดำเนินการในประเด็นที่ 5 ให้เสร็จสิ้นเพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่บุคลากรในสังกัด ภายใต้หลักคุณธรรม อย่างมีธรรมาภิบาล  

 

“ยังมีอีกประเด็นที่ต้องขอความเป็นธรรมกับทางท่านปลัดสธ. เนื่องจากขณะนี้มีความเหลื่อมล้ำในตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มงานบริการด้านปฐมภูมิในรพ.ชุมชน เนื่องจากกลุ่มงานนี้เป็นส่วนน้อยในระดับประเทศ ที่ผ่านมาประสบปัญหาเรื่องความก้าวหน้าไม่สามารถเลื่อนระดับเป็นชำนาญการพิเศษได้เท่าเทียมกับพยาบาลวิชาชีพที่ดำรงตำแหน่งเดียวกัน ทางชมรมฯ จึงได้จัดทำคำขอกำหนดตำแหน่งและเกณฑ์เชิงลึกเพื่อประกอบการพิจารณาส่งให้กลุ่มงานบริหารทรัพยากรบุคคลแล้ว แต่เรื่องยังเงียบหาย จึงขอให้ทางท่านปลัดฯ ช่วยเหลือให้ความเป็นธรรมเรื่องนี้” นายริซกีกล่าว

(ข่าวเกี่ยวข้อง : ปลัดสธ. ร่วม 64 ชมรม สมาคม วิชาชีพต่างๆ แถลงการณ์ 7 ข้อ แก้ปัญหาบุคลากรสาธารณสุข)                      

                              

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org