รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุมวิชาการเสริมศักยภาพ อสม.ภาคเหนือ ยกระดับเป็น “สมาร์ท อสม.” หมอคนที่ 1 ดูแลสุขภาพคนในชุมชน ส่วนวันที่ 1 ต.ค. ปรับ "โควิด" เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง ขอให้ อสม.ย้ำประชาชนยังต้องป้องกันตัว ชวนฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดการเสียชีวิตในกลุ่มเสี่ยง
วันที่ 22 กันยายน 2565 ที่ห้องประชุม มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา อ.เมือง จ.นครสวรรค์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการเสริมศักยภาพ อสม. หมอคนที่ 1 ที่พึ่งชุมชน คนรักษ์สุขภาพ ภาคเหนือ โดยมี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และเครือข่าย อสม.กว่า 1,000 คน เข้าร่วม
นายอนุทิน กล่าวว่า อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เป็นหนึ่งในเสาหลักที่เข้มแข็งของระบบสาธารณสุขไทย มีความใกล้ชิดกับชุมชน ทำหน้าที่เป็นหมอคนที่ 1 ในการส่งเสริมสุขภาพ เฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคให้แก่ประชาชน ร่วมกับหมอคนที่ 2 และ 3 ตามนโยบาย 3 หมอ รวมถึงช่วยขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ให้เป็นไปตามเป้าหมายของกระทรวงสาธารณสุข จนประเทศไทยได้รับการจัดให้เป็นประเทศที่มีความเข้มแข็งด้านความมั่นคงด้านสุขภาพเป็นอันดับ 5 ของโลก และอันดับ 1 ของเอเชีย
การเสริมสร้างศักยภาพ อสม.และยกระดับสู่การเป็น “สมาร์ท อสม.” ที่มีความรอบรู้ด้านสุขภาพและดิจิทัลจึงมีความสำคัญ เพื่อให้สามารถดูแลสุขภาพคนในชุมชนที่ยังไม่เจ็บป่วยให้มีสุขภาพแข็งแรง และดูแลผู้ป่วยโดยเฉพาะผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCD) ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง (CKD) และผู้สูงอายุติดบ้านติดเตียง ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล รวมถึงทำหน้าที่เป็นแกนนำสุขภาพและต้นแบบปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในชุมชน
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า นอกจากการเสริมสร้างศักยภาพ อสม.แล้ว ภาครัฐยังช่วยเหลือดูแล อสม.อย่างต่อเนื่อง โดยคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบกลาง 1,050 ล้านบาท เป็นค่าตอบแทน อสม. และ อสส. จำนวน 1.05 ล้านคน สำหรับเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2565 เดือนละ 500 บาท เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการเบิกจ่าย พร้อมมอบสิทธิประโยชน์ให้กับ อสม. ด้วยบัตรสะสมผลงานหรือบัตรสะสมความดีผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดย อสม.ที่มีการส่งรายงานผ่านแอปพลิเคชันสมาร์ท อสม.จะได้รับแต้มสะสมเพื่อนำไปแลกสิทธิประโยชน์ต่อไป
สำหรับช่วงเดือนตุลาคมเป็นต้นไปที่มีการปรับโรคโควิด 19 จากโรคติดต่ออันตราย เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ขอให้ อสม.ทุกคนช่วยเน้นย้ำประชาชนให้ใช้มาตรการป้องกัน คือ สวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือ โดยเฉพาะเมื่อต้องอยู่ในสถานที่เสี่ยงหรือสถานการณ์ที่มีความเสี่ยง และชักชวนประชาชนฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้นตามกำหนด รวมถึง อสม.ทุกคนขอให้เข้ารับการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 4 ด้วย เนื่องจากข้อมูลผู้เสียชีวิตขณะนี้ยังเป็นกลุ่มผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว ซึ่งการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นโดยเฉพาะเข็ม 4 จะช่วยลดอาการรุนแรงและเสียชีวิตลงได้เกือบ 100%
ด้าน นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ร่วมมือกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดประชุมวิชาการเสริมสร้างศักยภาพการจัดการสุขภาพชุมชน เพื่อการพึ่งตนเองด้านสุขภาพ โดย อสม. ภายใต้แนวคิด “หมอคนที่ 1 ที่พึ่งชุมชน คนรักษ์ สุขภาพ” เพื่อสนับสนุนและเสริมศักยภาพ อสม. ในการทำหน้าที่เป็นหมอคนที่ 1 และยกระดับสู่การเป็น “สมาร์ท อสม.” อย่างเข้มแข็งต่อไป โดยดำเนินการจัดประชุมตามมาตรการเพื่อความปลอดภัยจากโควิด 19 และ อสม.ที่เข้าร่วมประชุมได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 แล้วทุกคน
- 844 views