ด้วยภาวะภูมิแพ้ที่มีจำนวนผู้ป่วยเด็กเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดกระแสการพูดถึงการเลี้ยงดูลูกหลานว่า ประคบประหงมมากจนเกินไป โดยเฉพาะเด็กในเมือง จึงเกิดภูมิแพ้ได้ง่ายกว่าเด็กต่างจังหวัด กรณีนี้ พญ.ทัศลาภา แดงสุวรรณ นายแพทย์เชี่ยวชาญ กุมารแพทย์เฉพาะทางโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กล่าวกับ Hfocus ว่า ภาวะภูมิแพ้ไม่ได้เกิดจากปัจจัยใดปัจจัยหนึ่ง ไม่เกี่ยวกับว่าเป็นเด็กในเมือง หรืออาศัยอยู่ในชนบท แต่หากอยู่ในบริเวณที่มีมลภาวะมาก สิ่งที่กระตุ้นภูมิแพ้สิ่งหนึ่ง โดยเฉพาะภูมิแพ้ทางเดินหายใจ คือ มลพิษ ทำให้เกิดอาการระคายเคืองของทางเดินหายใจ ทำให้ภูมิแพ้หรือการติดเชื้อนั้นกำเริบ ภาวะที่มีอาการอักเสบในร่างกายจะกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายปรับเปลี่ยนหรือเสียสมดุลไปได้ ในกลุ่มที่มีประวัติครอบครัวเป็นภูมิแพ้ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เด็กเป็นภูมิแพ้ได้มากขึ้น รวมถึงสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เช่น ไรฝุ่น แมลงสาบ ขนสัตว์ทั้งขนสุนัขและขนแมว หญ้าบางชนิด ซึ่งเด็กในเมืองจะมีโอกาสสัมผัสสิ่งแวดล้อมที่เป็นมลพิษหรือมลภาวะทางอากาศได้มากกว่า จึงเป็นตัวเสริมให้เกิดภาวะภูมิแพ้ทางเดินหายใจมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่แพ้ไรฝุ่น หากเด็กมีความเสี่ยงจะเป็นภูมิแพ้ทางจมูกจากพันธุกรรม แล้วที่บ้านไม่ได้ระบายอากาศได้ดี ฝุ่นเยอะ ไรฝุ่นเกาะตามของเล่น ตุ๊กตา ผ้าห่ม ผ้านวม พรม ผ้าม่าน เมื่อมีไรฝุ่นสะสมปริมาณมากก็จะเกิดอาการแพ้ได้ เด็กที่อยู่แต่ในห้องอาจเสี่ยงได้มากกว่าเด็กที่ชอบเล่นนอกบ้าน ไม่ได้อยู่แต่ในห้องที่อากาศถ่ายเทไม่ดี หรือการอยู่ในห้องแอร์เป็นประจำ ถ้ามีอาการภูมิแพ้จมูก หอบหืด ความเย็นจะกระตุ้นให้ภูมิแพ้กำเริบส่งให้เห็นอาการมากกว่า

"ยกตัวอย่างช่วงหน้าหนาว ในภาคเหนือ เกิดฝุ่น PM 2.5 หนาแน่น แล้วไม่มีน้ำฝนมาชะล้าง ตัวเลขผู้ป่วยทางเดินหายใจในภาคเหนือก็จะมีมากขึ้นได้ บางบ้านที่มีต้นไม้น้อยก็ยิ่งไม่มีตัวช่วยดักจับฝุ่น จากผลการศึกษาของจีนพบว่า ถ้าต้นไม้มาก ฝนมาชะล้างลดมลพิษจะช่วยจัดการฝุ่นน้อยลง ช่วยลด PM 2.5 ได้ด้วย โดยภูมิแพ้จมูกจะพบความชุกได้มาก จากการศึกษาพบว่า ภูมิแพ้จมูกหรือจมูกอักเสบจากภูมิแพ้จะมากเป็นอันดับต้น ๆ เท่าที่สำรวจถัดมาจะเป็นโรคหอบหืด 14 เปอร์เซ็นต์ขึ้นอยู่กับอายุด้วย" พญ.ทัศลาภา กล่าว

พญ.ทัศลาภา เพิ่มเติมว่า สาเหตุของการเกิดภูมิแพ้จะหลายสิ่งประกอบกัน ทั้งพันธุกรรม คือ ครอบครัวเป็นภูมิแพ้ พ่อแม่เป็น ลูกก็จะมีโอกาสเป็นมากกว่าประชากรทั่วไป หรือหอบหืด ที่เป็นภาวะภูมิแพ้ที่มีทั้งพ่อหรือแม่ พี่น้องท้องเดียวกันเป็นโรคนี้มาก่อน เด็กคนถัดไปจะมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้ อีกอย่างหนึ่งที่โลกตะวันตกและประเทศไทยพบมากคือ ภาวะทุพโภชนาการของโรคอ้วน ก่อให้เกิดภาวะภูมิแพ้ อีกทั้งพบโรคอื่น ๆ ที่รักษายากและเป็นมากขึ้นได้ มาส่งเสริมร่วมกับปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ 

สำหรับวิธีดูแลสุขภาพเด็กที่เป็นภูมิแพ้จมูกนั้น พญ.ทัศลาภา แนะนำว่า เด็กควรรับประทานอาหารให้เหมาะสมตามช่วงวัย ทานอาหารอย่างสมดุล ผักผลไม้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 8 ชั่วโมง พร้อมออกกำลังกายเป็นประจำ เด็กที่เป็นภูมิแพ้ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดภูมิแพ้ทางเดินหายใจได้ดี แต่สิ่งที่สำคัญคือ สารก่อภูมิแพ้ ถ้าตรวจพบสิ่งกระตุ้นก็ต้องลดปริมาณลง ถ้าเป็นไรฝุ่นก็ต้องทำความสะอาด ลดสิ่งสะสมไรฝุ่น หรือแพ้ขนสัตว์เลี้ยง ถ้าสัมผัสโดยตรงจะมากจนเกิดอาการได้ ควรเลี่ยง หรือให้อยู่นอกบ้าน อาบน้ำสัตว์เลี้ยงบ่อย ๆ ทุกสัปดาห์ ไม่ให้อยู่ในห้องนอน 

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org