ผอ.ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อเผยคืบหน้าศูนย์จะเปิดบริการถึงวันที่ 30 ก.ย.65 สอดคล้องแผนประกาศให้โควิดเป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง ช่วงนี้เน้นฉีดบูสเตอร์ โดยเฉพาะกลุ่ม 608 ชี้ที่ผ่านมาศูนย์ฯฉีดวัคซีนโควิดไปแล้วกว่า 6.3 ล้านโดส นับเป็นศูนย์เดียวของไทยที่ขนาดใหญ่ที่สุด

พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนังและศูนย์ฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ เปิดเผยว่า เดิมแผนการให้บริการของศูนย์บางซื่อฯ จะยุติในวันที่ 31 ส.ค. แต่ก็พบว่ายังมีประชาชนทยอยมาฉีดวัคซีนโควิด-19 ต่อเนื่อง จึงหารือร่วมกับกรมการแพทย์และกรมควบคุมโรค ได้ข้อสรุปว่าจะเปิดให้บริการถึงวันที่ 30 ก.ย. ซึ่งสอดคล้องกับที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) มีแผนการประกาศให้โรคโควิด-19 เปลี่ยนจากโรคติดต่ออันตรายมาเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังในวันที่ 1 ต.ค. อย่างไรก็ตาม การเดินหน้าเปิดประเทศ เปิดเศรษฐกิจอย่างปลอดภัยเราตั้งเป้าตัวเลขการฉีดวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้นตั้งแต่เข็มที่ 3 ขึ้นไปยัง ไว้ที่ 60-70% ของประชากร ซึ่งตอนนี้ยังฉีดได้ประมาณ 50% กว่าๆ จึงจำเป็นต้องบูสเตอร์วัคซีนให้มากขึ้นกว่านี้ เราจึงต้องเปิดศูนย์ให้บริการประชาชนเพื่อมากระตุ้นวัคซีนในช่วงนี้จนถึงวันที่ปิดศูนย์

“เรื่องวัคซีนรุ่นใหม่ ที่แต่ละบริษัทพัฒนาให้รับกับการกลายพันธุ์ของไวรัส ปรับรูปแบบวัคซีนให้ดีขึ้น ซึ่งเดิมผู้ผลิตประกาศว่าอาจจะออกมาในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค. แต่ตอนนี้อาจจะดีเลย์ออกไป ก็คาดว่าไทยเราจะมีวัคซีนรุ่นใหม่ในช่วงต้นปี 2566 ฉะนั้น คนที่ฉีดไปก่อนหน้านี้เกิน 4 เดือนภูมิคุ้มกันก็อาจจะตก เราก็เปิดให้บริการฉีดถึงวันที่ 30 ก.ย. เพื่อเป็นการกระตุ้นรอวัคซีนรุ่นใหม่ ซึ่งหากสถานการณ์ในช่วงนั้นไม่มีการระบาดมาก ก็จะเป็นการฉีดวัคซีนในสถานพยาบาลทั่วไปได้” พญ.มิ่งขวัญกล่าวและว่า

พญ.มิ่งขวัญ กล่าวว่า ที่ผ่านมาศูนย์บางซื่อฯ ฉีดวัคซีนโควิดไปแล้วกว่า 6.3 ล้านโดส ซึ่งเป็นศูนย์เดียวของไทยและมีขนาดใหญ่มากที่สุดเมื่อเทียบกับศูนย์อื่นๆ ทั่วโลกเพราะเขาไม่ได้เปิดต่อเนื่องเหมือนที่ศูนยบางซื่อฯ อย่างไรก็ตาม เราต้องใช้สถานการณ์ที่ผ่านมาเป็นประสบการณ์ ถอดบทเรียนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พันธมิตรและเครือข่าย ว่าหากมีภาวะฉุกเฉินเช่นนี้เกิดขึ้นอีกจะต้องดำเนินการอย่างไร ระดมคน ทรัพยากร เทคโนโลยีอย่างไร ซึ่งตอนนี้เรามีการถอดบทเรียนและเตรียมรับมือในรูปแบบฉากทัศน์(scenario setting) 
ฉะนั้น ในวันที่ 30 ก.ย. จะปิดแน่หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่ที่เราวางแผนรับมือไว้คือ ศูนย์ฯ ต้องมีความพร้อมและกลับมาเปิดให้บริการได้ผ่านใน 1 วัน ทั้งกรณีที่อาจเกิดการระบาดใหม่ หรือกรณีที่วัคซีนรุ่นใหม่เข้ามาแล้วจำเป็นต้องระดมฉีดจำนวนมาก ทั้งนี้ เรื่องสถานที่เราประสานกับการรถไฟ กระทรวงคมนาคม ว่าแม้จะปิดศูนย์ในวันที่ 30 ก.ย. แต่ยังมีการเตรียมพร้อมเพื่อกลับมาเปิดใหม่ ดังนั้น ครุภัณฑ์ต่างๆ ก็จะเก็บรักษาไว้ที่สถานีกลางบางซื่อในส่วนที่การรถไฟยังไม่ได้เปิดใช้งาน

“สุดท้ายแล้วการที่เราประกาศยุติให้บริการที่ศูนย์บางซื่อฯ ก็เพื่อกระตุ้นให้คนมารับวัคซีน โดยเฉพาะกลุ่ม 608 และที่สำคัญคือการส่งสัญญาณเชิงบวก(positive signals) ว่าประเทศไทยได้ร่วมกันผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกันแล้ว แต่เรายังต้องให้ความสำคัญกับวัคซีนอยู่เพราะตัวเลขการติดเชื้อที่เห็นรายงานวันละ 1-2 พันรายเป็นการเข้าระบบ แต่คนที่ติดเชื้ออาการน้อยไม่ได้เข้าระบบก็มีอีกมาก อาจถึง 5-10 เท่าจากตัวเลขที่เราเห็น ส่วนคนเสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 30 ราย คนทั่วไปอาจมองว่าปกติ แต่หากเกิดขึ้นกับคนที่เรารัก คนในครอบครัว นั่นคือ 1 ชีวิต ดังนั้น การฉีดวัคซีนยังมีความจำเป็นมาก โดยเฉพาะกลุ่มสูงอายุ” พญ.มิ่งขวัญกล่าว

อย่างไรก็ตาม พญ.มิ่งขวัญกล่าวว่า สำหรับผู้ที่จะมารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ศูนย์บางซื่อฯ เปิดใน 2 วิธีทั้งการจองล่วงหน้าผ่านเครือข่ายมือถือ และวอล์กอิน(Walk-in) แต่หากประชาชนที่ทราบวันเวลาที่ต้องการเข้ารับวัคซีน แนะนำให้ลงทะเบียนจองมาก่อน เพื่อแบ่งเบาภาระการรับวอล์กอิน


 

 

ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก CVC กลางบางซื่อ

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org