ภาคประชาชนติงพรรคการเมือง อย่าหูเบาตกเป็นเครื่องมือทุนน้ำเมา ชงขยายเวลาขายเหล้า ชี้แค่ข้ออ้างนายทุนอยากขายแต่กระทบประชาชนโดยรวม วอนอย่าใช้น้ำเมาเป็นจุดขายประเทศ  แนะช่วยคิดนโยบายที่เป็นประโยชน์แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง ปชช. ลดอุบัติเหตุ   

 

จากกรณี นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า และทีมเศรษฐกิจพรรคกล้า ประชุมร่วมกับผู้แทนกลุ่มสุราและไวน์ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก (The Asia Pacific International Spirits and Wines Alliance : APISWA) หารือถึงข้อเรียกร้องลดปัญหาอุปสรรค เพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวและบริการหลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย โดยมีข้อเสนอให้แก้ไขกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยกเลิกช่วงเวลาห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ช่วงเวลา 14.00-17.00 น. เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว สอดคล้องกับสถานการณ์โควิด 19 ที่คลี่คลาย หลังผู้ประกอบการเดือดร้อนมานานกว่า 2-3 ปี อีกทั้งยังชี้ว่าการควบคุมช่วงเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นั้นเป็นความล้าหลังเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2515 เพื่อป้องกันไม่ให้ข้าราชการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลางาน 

ล่าสุด วันที่ 20 มิ.ย. 2565 นายชูวิทย์ จันทรส  ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า เป็นความพยายามฉวยโอกาสของกลุ่มสุราข้ามชาติและล็อบบี้ยีสต์ ที่ทำทุกวิถีทางเพื่อผลประโยชน์ในทางธุรกิจ โดยมองข้ามผลกระทบในทางสังคมที่คนไทยต้องแบกรับ ด้วยการเข้าพบหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและพรรคการเมืองมาโดยตลอด ทั้งนี้การขายสุราได้ตั้งแต่ 11.00 น. ยันเที่ยงคืนจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ แม้จะมีความจริงอยู่บ้าง แต่ก็ต้องชั่งน้ำหนักกับผลกระทบทางสังคมด้วย จะมองแค่เม็ดเงินหรือตัวเลขอย่างเดียวไม่ได้ เพราะข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขชี้ชัดว่าทุก ๆ 1 บาทที่ได้จากภาษีสุรานั้น ประเทศต้องจ่ายกลับเป็นค่าในการดูรักษา ค่าเสียโอกาส ค่าผลกระทบต่างๆ มากถึง 2 บาท  อีกทั้ง การจำกัดการเข้าถึงสุราเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญ  ในการลดผลกระทบจากสุราตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก

 

นายชูวิทย์ กล่าวว่า กรณีอ้างว่าการขยายเวลาขายสุราจะดึงดูดนักท่องเที่ยวนั้นก็ไม่เคยมีหลักฐานชี้ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาประเทศไทยเพราะมีแรงจูงใจที่จะเข้ามาดื่มสุรา แต่งานวิจัยล่าสุดของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาปี 2563 พบว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาคือ 1.สนใจแหล่งท่องเที่ยว 2.ความสะดวกในการเดินทาง 3.ภาพลักษณ์จังหวัด 4.ความพร้อมด้านสาธารณูปโภค และ 5.ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว ไม่เคยประกฎว่าสุราคือจุดขายและในความเป็นจริง ประเทศไทยมีดีมากกว่าเอาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาเป็นจุดขาย คำถามคือเราต้องการนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพหรือนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจมาเมา ดังนั้นขอฝากไปถึงพรรคการเมือง หรือหน่วยงานต่าง ๆ ว่าอย่าหูเบาตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มธุรกิจที่ทำเพื่อประโยชน์ตัวเอง คิดถึงผลกระทบที่จะตามมาด้วย ส่วนผู้ประกอบการร้านเหล้าผับบาร์ตนเห็นใจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด แต่ควรประกอบการภายใต้กฎหมาย ไม่ใช่พยายามหลบเลี่ยงกฎหมาย

 

 

ด้าน นายสุรสิทธิ์ ศิลปงาม ผู้จัดการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ใช่สินค้าปกติ แต่ก่อให้เกิดอันตราย แต่ละปีมีคนเมาแล้วขับเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนบาดเสียชีวิต พิการแต่ละปีจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ที่ทำให้เกิดความรุนแรงในครอบครัว ความรุนแรงในสังคม จำนวนมาก ท่านเลขาธิการพรรคกล้าเคยมองตรงนี้หรือไม่ เราไม่ได้ละเมิดสิทธิประชาชน เพราะสิทธิในการซื้อ การดื่มก็ยังคงมี แต่ถ้าไม่มีการกำหนดช่วงเวลาขายปัญหา อันตรายที่เกิดจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะเพิ่มมากขึ้น   ซึ่งประเทศเสรีหลายๆ ประเทศ เช่น บางรัฐของสหรัฐอเมริกา ฟินแลนด์ นอร์เวย์ ไอแลนด์ ยังมีวัน หรือช่วงเวลาห้ามขาย เป็นต้น ทั้งนี้ ที่บอกว่าเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวนั้นเป็นเพียงข้ออ้างของคนอยากขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากกว่า เพราะนักท่องเที่ยวที่เข้ามา เขาต้องมาเที่ยวพักผ่อน ชมธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ ชมวิถีวัฒนธรรม และถ้าเปิดให้นักท่องเที่ยวที่หวังเข้ามาเมาหัวราน้ำในประเทศไทย เสี่ยงก่อปัญหา เราต้องการนักท่องเที่ยวเช่นนี้จริงๆ อย่างนั้นหรือ ฉะนั้นอย่าซ้ำเติมสังคมไทยไปมากกว่านี้เลย ทุกวันนี้ปัญหาเมาแล้วขับยังแก้ไม่ตก  แล้วยังมีกัญชาเสรีมาอีกซึ่งย่อมเกี่ยวข้องกับการเสพ เมาแล้วขับแน่นอน ยังจะทำร้ายกันด้วยการเพิ่มคนเมาบนท้องถนนตั้งแต่บ่ายกันอีกหรือ

 

“พรรคกล้าไปทำอย่างอื่นเถอะ มีนโยบายอีกเยอะแยะที่ควรนำเสนอ มีนโยบายหลายเรื่องที่สำคัญกับคนไทย เรื่องเศรษฐกิจ ปากท้องประชาชน รวมถึงการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน  ป้องกันการเสพกัญชาแล้วขับรถ หรือลดปัญหาสังคมจากสุรา อยากให้พรรคไปเสนอแก้ไขกฎหมายเหล่านี้ดีกว่า ส่วนกฎหมายที่จะไปเพิ่มความเสี่ยง หรืออันตรายในสังคม ขอวิงวอนเลยว่าเก็บพับไว้ เรื่องนี้มันไม่จำเป็นกับปากท้องและความสงบสุขของคนไทย” นายสุรสิทธิ์ กล่าว