รองนายกฯ-รมว.สธ. เผยกรณีสธ.ปรับคำแนะนำสวมหน้ากากอนามัย แม้จะออกจากการระบาดใหญ่ของโควิด กลายเป็นโรคประจำถิ่น แต่ปัจจุบันยังมีโรคอื่นๆ ที่สามารถติดต่อได้จากการใกล้ชิด ไอจามรดกัน มั่นใจปชช.ประเมินความเสี่ยงได้ ขณะที่ผู้ป่วยโควิดเสียชีวิต 100% วันนี้ 24 ราย ยังเป็นผู้สูงอายุ และป่วยโรคเรื้อรัง

 

ตามที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยสถานการณ์โควิด 19 ดีขึ้นต่อเนื่อง คาดเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่นตามกำหนด ให้หน่วยงานสาธารณสุขนำร่องกิจกรรมในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิด 19 อย่างปลอดภัย  คาดกลางเดือน มิ.ย. นี้พร้อมปรับคำแนะนำให้สวมหน้ากากอนามัย 3 กรณี  "กลุ่มเสี่ยง 608 -สถานที่ปิด อากาศไม่ถ่ายเท- กิจกรรมคนหมู่มาก" นั้น

เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2565  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับคำแนะนำการสวมหน้ากากอนามัยตอนหนึ่ง ระหว่างเปิดโครงการพัฒนาศักยภาพ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)  และร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การดำเนินงานและบริหารจัดการระบบการแพทย์ฉุกเฉิน จังหวัดอ่างทอง ว่า การใส่หน้ากากอนามัยเป็นคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข แม้ว่าเราจะออกจากการระบาดใหญ่ของโรคโควิด 19 กลายเป็นโรคประจำถิ่นแล้ว แต่ปัจจุบันยังมีโรคอื่น ๆ มากมายที่สามารถติดต่อได้จากการใกล้ชิดกัน หายใจรดกัน

ขณะที่ปัจจุบันเราใส่หน้ากากอนามัยกันจนชินแล้ว ดังนั้นกรณีการอยู่ในกลุ่มคนรู้จัก มีการตรวจเช็คปัจจัยเสี่ยงแล้วว่าไม่มีปัจจัยเสี่ยงอะไรก็สามารถถอดได้กันเป็นครั้งคราวไม่ได้บังคับว่าจะต้องใส่หรือจะต้องถอด

“พอเราเดินเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่น มีการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ มาเยอะแล้ว เราก็มีการประเมิน ซึ่งเราก็มั่นใจว่าประชาชนสามารถประเมินความเสี่ยงต่าง ๆ ได้ ประเมินว่าสถานการณ์แบบนี้สวมหน้ากากอนามัยก็ดีกว่า” นายอนุทิน กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด-19  ณ วันที่ 29 พ.ค.2565  พบผู้ป่วยรายใหม่วันนี้ 3,649 ราย ติดเชื้อในประเทศ 3,628 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 2 ราย จากเรือนจำที่ต้องขัง 19 ราย   หายป่วยแล้ว 5,622 ราย เสียชีวิต 24 ราย โดยผู้ป่วยรักษาตัวอยู่มี 44,737 ราย แบ่งเป็นใน รพ. 17,849 ราย และรพ.สนามและอื่นๆ 26,888 ราย อาการหนัก 901 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 438 ราย

สำหรับผู้ป่วยโควิดเสียชีวิต ณ วันที่ 29 พ.ค.2565 จำนวน 24 ราย พบว่า 100% เป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และอายุน้อยกว่า 60 ปีแต่มีโรคเรื้อรัง

ขณะที่ข้อมูลฉีดวัคซีนป้องกันโควิดตั้งแต่ 28 ก.พ.2564- 28 พ.ค.2565  โดยรวมสะสมแล้ว 137,522 ,168 โดส เข็มที่ 1 ฉีดสะสมแล้ว 56,726,310 ราย เข็มที่ 2 ฉีดสะสมแล้ว 52,610,197 ราย และเข็มที่ 3 ขึ้นไปฉีดสะสม 28,185,661 ราย