อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เตรียมส่งทีมตรวจสอบคลินิกเอกชน หลังคนไข้ร้องผ่านโซเชียลฯ ถูกลวนลามขณะรับบริการ พร้อมขอให้ผู้เสียหายรายอื่นๆส่งข้อมูลมายังกรมฯ เพื่อรวบรวมหลักฐานดำเนินการตามขั้นตอน ขณะที่แพทยสภายังไม่พบเรื่องร้องเรียนแพทย์รายนี้  ชี้หลักการรักษาแพทย์จะไม่รักษาคนไข้ลำพัง ต้องมีพยาบาล หรือผู้ช่วยเป็นประจักษ์พยาน

 

เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2565  นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์  อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.)  กล่าวถึงกรณีมีผู้เสียหายออกมาร้องเรียนผ่านโซเชียลฯ กรณีแพทย์คลินิกเอกชนแห่งหนึ่ง มีพฤติกรรมเข้าข่ายลวนลามทางเพศขณะให้บริการรักษา ซึ่งต่อมาได้มีผู้เสียหายอีกจำนวนหนึ่งแสดงตัวว่าเคยถูกนายแพทย์คนเดียวกันมีพฤติกรรมเข้าข่ายลวนลามทางเพศเช่นกัน ว่า   จากข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นในสถานพยาบาลเอกชน ขณะนี้จะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวว่า เป็นอย่างไร และขอให้ทางผู้เสียหายสามารถส่งข้อมูลมาทาง สบส.ได้โดยตรง ซึ่งกรณีเหล่านี้หากมีเรื่องละเมิด หรือกระทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสมกับวิชาชีพ และหากเกิดในสถานพยาบาลเอกชนสามารถร้องมายัง สบส.ได้ หรือร้องช่องทางอื่นๆ อย่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็จะมีการประสานและลงไปตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยกัน

ด้าน พล.อ.ต.นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา ว่า ขณะนี้ยังไม่พบผู้เสียหายร้องเรียนเข้ามาทางแพทยสภา อย่างไรก็ตาม หากกรณีผู้เสียหายร้องเรียนเข้ามาแล้ว ทางแพทยสภาจะมีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กับอีกกรณีหนึ่ง หากยังไม่มีการร้องเรียนเข้ามา ทางแพทยสภา โดยเลขาธิการแพทยสภาจะเป็นผู้ร้องกล่าวโทษ แต่ทั้งนี้ก็ต้องใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูลหลักฐาน ประจักษ์พยานก่อน จึงนำเข้าสู่คณะกรรมการแพทยสภา เพื่อพิจารณากล่าวโทษต่อไป ดังนั้นหากทางผู้เสียหายร้องเรียนเข้ามาจะทำให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงได้เร็วกว่า ซึ่งกรณีดังกล่าวตนยังคงทราบข้อมูลจากสื่อมวลชนเท่านั้น

เมื่อถามถึงหลักปฏิบัติระหว่างที่แพทย์รักษาผู้ป่วยมีข้อกำหนดอย่างไร  พล.อ.ต.อิทธพร  กล่าวว่า โดยปกติการรักษาคนไข้ โดยเฉพาะผู้หญิง หากจำเป็นต้องรักษาลักษณะที่มีความเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะการตรวจภายใน ทางสถานพยาบาลจะมีพยาบาล อยู่ด้วย เพื่อให้การช่วยเหลือแพทย์ในการรักษา และเป็นประจักษ์พยาน

 

 

 

 

ข่าวอื่นๆ :  เปิดสถิติ “คดีทางการแพทย์” 2561-2563 สู่แนวคิดสร้างเครือข่ายจัดระบบป้องกันปัญหาภาพรวม

 

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org