ศบค.เห็นชอบแผนออกสู่โควิดโรคระบาดใหญ่ เข้าสู่ "โรคประจำถิ่น" พร้อมรายละเอียด 4 มาตรการดำเนินการ ย้ำ!เป้าหมายสำคัญอัตราป่วยตายต้องไม่เกิน 0.1% ฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยง-สูงอายุมากกว่า 60% ขึ้นไป และสร้างความรู้ความเข้าใจประชาชน เหตุบางคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นโรคประจำถิ่นแล้ว ละเลยมาตรการป้องกันตัว
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 18 มี.ค.2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้นำเสนอแผนและมาตรการบริหารจัดการสถานการณ์โควิดสู่โรคประจำถิ่น โดยสถานการณ์ ณ ตอนนี้หรือระยะที่ 1 อยู่ในระยะต่อสู้กับโรคโควิด ที่เรียกว่า Combatting ขณะที่ระยะที่ 2 เรียกว่า Plateau เป็นระยะทรงตัว ซึ่งอยู่ในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. จากนั้นระยะที่ 3 ช่วงปลายพ.ค.- 30 มิ.ย. เรียกว่า Declining จะเริ่มลดลงเรื่อยๆ และหากเป็นไปตามคาดการณ์ 1 ก.ค.2565 ก็จะเห็นตัวเลขกดลดลงไปได้ เรียกว่า Post- pandemic แต่ทั้งหมดแผนนี้เป็นแผนที่ให้ทั้งประเทศมาช่วยกัน เพื่อกดเส้นกราฟลงให้ได้
(ข่าวเกี่ยวข้อง : ศบค.ปรับพื้นที่สีส้มเหลือ 20 จังหวัด ไม่อนุญาตดื่มเหล้าในร้านอาหารเช่นเดิม)
"ท่านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในฐานะผอ.ศบค. เห็นด้วยกับแผนนี้ แต่หากมีการปรับเปลี่ยนไปจากนี้ก็ต้องเปลี่ยนแผน ดังนั้น ขึ้นอยู่กับคนทั้งประเทศร่วมมือกัน และขอให้เข้าใจแผนร่วมกัน โดยได้มีมาตรการ 4 ด้าน คือ ด้านสาธารณสุข ด้านการแพทย์ ด้านกฎหมายและสังคม และด้านการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ เพื่อใช้ร่วมกันทั้งหมดให้ทิศทางไปด้วยกัน" โฆษก ศบค. กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ที่สำคัญเป้าหมายของการบริหารจัดการเพื่อให้เข้าสู่โรคประจำถิ่น คือ 1. การเข้าถึงการดูแลรักษาได้อย่างรวดเร็ว มีคุณภาพ อัตราป่วยตายไม่เกินร้อยละ 0.1 2.ความครอบคลุมวัคซีนเข็มกระตุ้นต้องมากกว่าร้อยละ 60 เรื่องนี้สำคัญ เพราะเข็ม 1 และเข็ม 2 ทะลุ 60% แต่เข็มกระตุ้นยังต่ำอยู่ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุแค่ 20-30% บางจังหวัดยังเป็นหลักหน่วยด้วยซ้ำ และ 3. สร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง และความร่วมมือของประชาชนในการรับมือและปรับตัว เพื่ออยู่ร่วมกับโควิด ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจ เพราะหลายคนเข้าใจว่า ประกาศว่าจะเป็นโรคประจำถิ่นก็ผ่อนคลายกันเลย ซึ่งไม่ใช่ เราจะไปไม่ถึงจุดหมายการเป็นโรคประจำถิ่น ยังไม่ได้เกิดเดี๋ยวนี้ เพราะตัวเลขยังสูงอยู่
"ที่ประชุม ศบค. เห็นชอบแผนนี้ และมอบให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานเกี่ยวข้องไปดำเนินการต่อไป" โฆษก ศบค. กล่าว
** ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ 4 มาตรการในการบริหารจัดการสถานการณ์โควิดเข้าสู่โรคประจำถิ่น ประกอบด้วย
1.ด้านสาธารณสุข เร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นมากกว่า 60% ปรับระบบการเฝ้าระวัง เน้นการระบาดเป็นกลุ่มก้อน และผู้ป่วยปอดอักเสบ ผ่อนคลายมาตรการสำหรับผู้เดินทางจากต่างประเทศ ปรับแนวทางแยกกักผู้ป่วยและกักกันผู้สัมผัส
2.ด้านการแพทย์ ปรับแนวทางการดูแลรักษาแบบผู้ป่วยนอก หรือ OPD ดูแลผู้ป่วยที่เสี่ยงอาการรุนแรง และมีอาการรุนแรง รวมทั้งภาวะ Long Covid
3.ด้านกฎหมายและสังคม บริหารจัดการด้านกฎหมายในทุกหน่วยงานให้สอดคล้องกับการปรับตัวเข้าสู่ Post pandemic ผ่อนคลายมาตรการทางสังคม ลดการจำกัดการเดินทางและการรวมตัวของคนหมู่มาก และทุกภาคร่วมดำเนินการมาตรการป้องกันตัวเองแบบครบวงจร และโควิดฟรีเซตติ้ง
4.ด้านการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ ทุกภาคส่วนร่วมสร้างความรู้ความเข้าใจและพฤติกรรมให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิตร่วมกับโควิด 19 อย่างปลอดภัย และสื่อสารประชาสัมพันธ์เชิงรุกอย่างครอบคลุมให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง และสร้างความร่วมมือของประชาชนในแต่ละช่วงเวลา
(ข่าวเกี่ยวข้อง : คณบดีศิริราช ชี้เมื่อโควิดไม่รุนแรง จะนำไปสู่กระบวนการเลิกตรวจหาเชื้อ)
*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org
- 1007 views