โฆษกกรมอนามัย เผยโควิดระลอก 3 มีหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อสูงกว่า 5 พันราย ส่วนใหญ่กทม. ปริมณฑล ภาคใต้ มีทารกติดเชื้อ 238 ราย สุดเศร้า 5-6 เดือนที่ผ่านมาหญิงท้องเสียชีวิต 102 ราย ทารกเสียชีวิตตามแม่ 51 ราย แต่ตัวเลขล่าสุดภายหลังรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิดพบฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น เดือน ต.ค.เสียชีวิตลดเหลือ 10 ราย พ.ย. ไม่พบเสียชีวิต มีติดเชื้อลดเหลือ 300 ราย

 

เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา ผอ.สำนักส่งเสริมสุขภาพ และโฆษกกรมอนามัย กล่าวว่า ในการระบาดของโควิดระลอก 3 มีหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อสูง 5,516 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในกทม. และปริมณฑล ภาคใต้ ในจำนวนนี้คลอดแล้ว 3 พันกว่าราย โดยผ่าคลอด 53% ในจำนวนนี้มีทารกติดเชื้อ 238 ราย เป็นการสัมผัสโดยตรงหลังคลอด คิดเป็น 7% ของจำนวนเด็กคลอด ที่น่าเสียใจคือ 5-6 เดือนที่ผ่านมา หญิงตั้งครรภ์ เสียชีวิต 102 ราย ทารกเสียชีวิตตามแม่ 51 ราย ส่วนตัวเลขล่าสุดภายหลังการรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิดในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ฉีดเข็ม 1 จำนวน 86,602 ราย เข็ม 2 จำนวน 66,784 ราย และเข็ม 3 จำนวน 1,009 ราย ทำให้จากที่เคยติดเชื้อสูง และเสียชีวิตสูงในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ก็พบว่าสถานการณ์ลดลงเรื่อย ๆ กระทั่งเดือน ต.ค. เสียชีวิตเพียง 10 ราย เดือนพ.ย. ติดเชื้อเหลือ 300 ราย และยังไม่มีรายงานเสียชีวิต

“สตรีมีครรภ์ที่ติดเชื้อโควิดทั้งหมดนั้น พบว่า 92 % ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนเลยแม้แต่เข็มเดียว แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าคนที่ฉีดครบ 2 เข็ม หรือ133 คนนั้น ไม่มีใครที่เสียชีวิตเลย และมีอาการเพียงเล็กน้อย ไม่มีปอดอักเสบต้อใส่เครื่องช่วยหายใจ แสดงให้เห็นว่าฉีดวัคซีนแล้วยังติดเชื้อได้ แต่ไม่มีอาการรุนแรง ปอกดอักเสบ และเสียชีวิตแต่อย่างใด” นพ.เอกชัย กล่าว

ขณะนี้หลายเขตสุขภาพพยายามฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด โดยภาคใต้พบว่ามีการฉีดวัคซีนได้มากขึ้น อาจเพราะมีการระบาดเยอะ เช่น เขต 12 ฉีดได้เกิน 40% ขึ้นไป ปัตตานีฉีดได้ทะลุเป้าหมาย คือ มากกว่า 75% เพราะมีการรณรงค์เชิงรุก แต่อีกหลายเขตฯ ทางภาคเหนือ อีสานยังฉีดในสตรีมีครรภ์น้อยอยู่ ทั้งนี้ จากการคาดการณ์จำนวนหญิงตั้งครรภ์ประมาณ 5 แสนคนต่อปี เมื่อตัดผู้ที่มีอายุครรภ์ 0-3 เดือนออกไป จะทำให้มีกลุ่มเป้าหมายอายุครรภ์ 3 เดือนขึ้นไปที่ต้องรับวัคซีนจำนวน 281,500 ราย ขณะนี้ฉีดเข็ม 1 เพียง 86,602 คน คิดเป็น 30.8% เท่านั้น ยังเหลืออีกกว่า 70% ที่ต้องขอเชิญชวนให้เข้ามาฉีด เพราะหากไม่ฉีดแล้วเกิดการติดเชื้อจะเสี่ยงมีอาการรุนแรงได้ ขอยืนยันว่าวัคซีนที่รัฐจัดมาให้ฉีดนั้น เป็นวัคซีนที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัย และตอนนี้มีปริมาณเพียงพอ ไม่ว่าจะอยู่ที่จังหวัดไหนสามารถขอรับวัคซีนได้

ทั้งนี้ จากการสำรวจหญิงตั้งครรภ์ 2 พันคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน 65% หรือ 2 ใน 3 ยังกังวลถึงอันตรายต่อทารก ซึ่งมีงานวิจัยทั่วโลก และการฉีดในหญิงตั้งครรภ์ที่ผ่านมา เช่น อเมริกาฉีดเป็นแสนๆ ราย ยังไม่พบผลกระทบต่อทารก ส่วนไทยฉีด 9 หมื่นรายพบแท้ง 5 ราย ทารกเสียชีวิตในครรภ์ 5 ราย คิดเป็น 0.5% แต่พิสูจน์แล้วไม่ได้เกี่ยวข้องกับวัคซีน ถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบอุบัติการเกิดตามธรรมชาติที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน คือแท้งธรรมชาติ 10-15 % ดังนั้น ได้ข้อสรุปว่าจะเร่งฉีดให้หญิงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะพื้นที่สีแดงเข้ม หรือพื้นที่สีฟ้าที่เปิดให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวเพื่อลดความเสี่ยง กรณีคนที่ยังกังวลและยังไม่ฉีดก็จะเร่งฉีดให้คนในครอบครัวให้ครบก่อน