ตัวแทนอสม. พังงา ขอบคุณนโยบาย “รมช.สาธิต” เดินหน้าค่าตอบแทน(ค่าป่วยการ) 1,500 บาทตลอดชีพ หวังสร้างขวัญกำลังใจทำงานเสียสละไร้เงินเดือน โดย อสม.ขอบคุณหากได้รับจริง พร้อมเผยภารกิจทำงานช่วงโควิด กับอุปสรรคชาวบ้านเชื่อสื่อ เชื่อโซเชียลฯ จนวิตกฉีดวัคซีนโควิด19

 

ทันทีที่ “นายสาธิต ปิตุเตชะ” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมช.สธ.) ประกาศระหว่างลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) เกาะลันตา จ.กระบี่ และศูนย์การแพทย์เขาหลัง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ว่า จะขับเคลื่อนให้ค่าตอบแทน 1,500 บาทตลอดชีพสำหรับอสม.ทุกคน โดยเฉพาะช่วงโควิดที่เป็นด่านหน้าสำคัญในการปฏิบัติงานโควิด...

แน่นอนว่า สร้างขวัญกำลังใจให้แก่อสม.ไม่ใช่น้อย...

เกี่ยวกับการขับเคลื่อนสิทธิสวัสดิการแก่ อสม. นั้น ไม่ใช่เพิ่งเริ่มขึ้น แต่มีการดำเนินการมานาน เพราะแม้ อสม.ทุกคนจะปฏิบัติงานด้วยจิตอาสา ไม่มีเงินเดือน แต่ถือเป็นกลุ่มคนที่มีส่วนสำคัญ และเป็นหนึ่งในบุคลากรสาธารณสุขที่ทำงานส่งเสริมและป้องกันโรคในพื้นที่มาตลอด ตั้งแต่เรื่องการควบคุมลูกน้ำยุงลาย ป้องกันพาหะนำโรค มาจนถึงการระบาดโควิด ที่ต้องเฝ้าระวัง สกัดกั้นคนนอกพื้นที่ และดูแลการกักตัว รวมไปถึงการคัดกรองคน คัดกรองโรค เป็นต้น

ด้วยเหตุนี้ที่ผ่านมา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ได้ดำเนินการขับเคลื่อนในการดูแลสิทธิสวัสดิการ อสม.มาตลอด แม้ไม่มีเงินเดือน แต่มีการให้ในชื่อที่เรียกว่า “ค่าป่วยการ” ซึ่งเป็นค่าชดเชยการทำงาน หรือค่าความเสียสละก็ว่าได้ ซึ่งเดิมทีได้รับค่าป่วยการจำนวน 600 บาท และมีการขยับเพิ่มเป็น 1,000 บาท แต่ล่าสุด “นายสาธิต ปิตุเตชะ”รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ได้มอบนโยบายขับเคลื่อนเพิ่มเป็น 1,500 บาท โดยให้ทุกเดือนตลอดชีพ

"เรื่องของค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัย สำหรับการปฏิบัติงานของ อสม. 1,500 บาท ระยะเวลา 19 เดือน ซึ่งจะสิ้นสุดในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยอสม.ก็จะกลับไปมีรายได้ที่ 1,000 บาทต่อเดือนเช่นเดิม ซึ่งแน่นอนว่า นี่ไม่ใช่เงินเดือน แต่เป็นค่าตอบแทนที่เป็นขวัญกำลังใจ ซึ่งเมื่อได้รับน้อยลง แต่พวกท่านต้องมีภาระที่ต้องจ่ายค่าฌาปนกิจสงเคราะห์ 200 บาทต่อเดือน ผมจึงคิดว่าถ้าทำงานได้รับเงินน้อยลงก็ไม่เป็นธรรม ก็จะพยายามเสนอไปทางท่านนายกรัฐมนตรีว่า จะขอ 500 บาทเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการชำระค่าฌาปนกิจสงเคราะห์ ซึ่งเป็นหลักประกันของคนข้างหลัง คนในครอบครัวท่าน จึงเป็นที่มาในการเสนอค่าตอบแทน(ค่าป่วยการ) ” นายสาธิต กล่าวตอนหนึ่งระหว่างลงพื้นที่พูดคุยกับ อสม. ภายในงานเยี่ยมชมศูนย์การแพทย์เขาหลัก พังงา

นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยฯ ยังเผยว่ากำลังหารือในการเพิ่มสิทธิให้สามารถนำสวัสดิการฌาปนกิจสงเคราะห์ไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันกู้เงิน สำหรับ อสม.ที่มีความเดือดร้อนจริงๆ เช่น ซ่อมบ้าน เป็นต้น โดยจะพิจารณาความจำเป็นเฉพาะรายและต้องได้รับการเซ็นยินยอมจากทายาทด้วย

จากนโยบายดังกล่าว มุมมองของอสม.ที่มีต่อเรื่องนี้ เป็นอย่างไร..

“นางพึงพิศ สุขสำราญ” อสม. หมู่บ้านดอกแดง ต.บางไทร อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ปฏิบัติงานเป็นอสม.มา 18 ปี กล่าวขอบคุณที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับ อสม. เพราะอสม.ปฏิบัติงานกับชาวบ้านในพื้นที่ เป็นด่านหน้าคอยทำงานร่วมกับรพ.สต. หมออนามัยมาตลอด และทำงานประสานใกล้ชิดกับชาวบ้านมากที่สุด ยิ่งช่วงโควิด19 ยิ่งทำงานหนัก และค่อนข้างยาก อย่างช่วงที่ต้องรณรงค์เชิญชวนให้คนมาฉีดวัคซีน แรกๆ คนกลัว ต้องพยายามพูด ให้ข้อมูลตลอด จนตอนนี้ยอมรับ และอยากฉีดวัคซีนกัน

"สำหรับนโยบายเพิ่มค่าตอบแทน หรือค่าป่วยการเราดีใจมาก แม้พวกเราจะทำงานเป็นจิตอาสา แต่การได้รายได้มาช่วยก็ทำให้เป็นกำลังใจ และเราสามารถนำเงินตรงนี้มาเป็นค่าน้ำมันรถ ค่าอาหาร มาช่วยได้ไม่มากก็น้อย” นางพึงพิศ กล่าว

นางอาภรณ์ คำแหง อสม.ชุมชนบางมะลาต่อตั้ง ปฏิบัติงานเป็นอสม.มา 6 ปี และนางสุรัตน์ นิลศรี อสม.ชุมชนศรีเมือง ปฏิบัติงานมา 23 ปี โดยทั้งคู่อยู่ในเทศบาลเมือง ต.ตะกั่วป่า อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ต่างให้ข้อมูลว่า รู้สึกขอบคุณรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับอสม. และหากได้รับค่าตอบแทน 1,500 บาทต่อเนื่องตลอดไปทุกเดือนจริงๆ จะเป็นขวัญกำลังใจให้แก่พวกเราชาวอสม.มาก เพราะการทำงานที่ผ่านมา เราทำด้วยใจทำเพื่อชาวบ้าน คนในชุมชน คอยเฝ้าระวังโควิด19 ไม่ให้มีการแพร่ระบาดของโควิด โดยปฏิบัติตามคำแนะนำของทาง รพ.สต.

โดยทั้งคู่ต่างเล่าให้ฟังว่า ปัญหาที่ผ่านมาในช่วงโควิดคือ ช่วงแรกๆ คนกังวลเรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดมาก ยิ่งตอนมีข่าวเรื่องผลข้างเคียง หรือประเด็นยี่ห้อวัคซีน อย่างซิโนแวค มีข่าว โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดีย ทำให้คนไม่มั่นใจ โดยเฉพาะคนทำงาน ลูกๆ ไม่อยากให้พ่อแม่ คนสูงอายุไปฉีด แต่สำหรับคนสูงอายุกลับพูดง่ายกว่า ซึ่งช่วงที่ผ่านมาต้องสื่อสารอย่างหนัก กว่าจะเข้าใจก็พูดคุยกันหลายรอบ ให้ข้อมูลเยอะ ซึ่งทุกวันนี้ส่วนใหญ่อยากฉีดวัคซีนกันหมด

“การสื่อสารไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ ยิ่งช่วงแรกๆ ยิ่งยาก เพราะคนที่กังวล เขาจะไม่ค่อยเปิดรับฟังเราเลย ก็ต้องพยายาม ลงไปให้ข้อมูลตลอด...”

เมื่อถามว่า อยากให้รัฐบาลดูแลอะไร อสม.เป็นพิเศษหรือไม่ นางสุรัตน์ กล่าวทิ้งท้ายสั้นๆว่า ตนมองว่ารัฐบาลค่อนข้างให้ความสำคัญกับ อสม.มาตลอด ยิ่งถ้าได้ค่าตอบแทน 1,500 บาท ก็จะสร้างขวัญกำลังใจให้กับพวกเรา ซึ่งหากได้จริง พวกเราก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนในการขับเคลื่อนเรื่องนี้

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org