กระทรวงสาธารณสุขเผยความจำเป็นการนำเข้าวัคซีนซิโนแวค 12 ล้านโดส เหตุข้อจำกัดแอสตร้าฯปริมาณส่งมอบไม่สูง ขณะที่ผลศึกษาฉีดวัคซีนสูตรผสมช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันดีในเวลาไม่นาน

เมื่อวันที่ 17 ส.ค.2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค(คร.) กล่าวว่า สำหรับประสิทธิผลของวัคซีนมีการติดตามต่อเนื่อง และป้องกันการป่วยหนัก และเสียชีวิต อีกทั้งขอย้ำว่า วัคซีนทุกตัวที่องค์การอนามัยโลกให้การรับรอง ให้ใช้งานได้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานวัตถุประสงค์หลักในเรื่องการลดป่วยรุนแรง ลดเสียชีวิต จึงไม่ควรไปด้อยค่า อีกทั้ง ตัวเลขจากการใช้งานจริงๆ จะมีการรวบรวมศึกษา

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีความจำเป็นในการนำวัคซีนมาเพื่อใช้สูตรกระตุ้นภูมิคุ้มกันขึ้นมาในระยะเวลารวดเร็ว อย่าง วัคซีนซิโนแวค ซึ่งคณะกรรมการวิชาการมีการติดตามตลอด และเป็นวัคซีนที่ผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลก และยังได้ประโยชน์ดี ซึ่งเมื่อนำมาเป็นสูตรฉีดไขว้กัน โดยฉีดเข็มแรกด้วยซิโนแวค และตามด้วยแอสตร้าเซนเนก้า ทำให้ภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น ที่สำคัญไม่ต้องรอ 3 เดือนจากการที่ฉีดแอสตร้าฯ 2 เข็มต้องรอ 3 เดือน แต่เมื่อเป็นซิโนแวคเป็นเข็มแรก ตามด้วยแอสตร้าเซนเนก้าเป็นเข็มสอง ห่างกัน 3-4 สัปดาห์ ซึ่งทำให้ภูมิคุ้มกันขึ้นสูงใกล้เคียงกับการฉีดแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม ดังนั้น การจัดหาวัคซีนจึงมีแผนในการนำวัคซีนซิโนแวคมาเพิ่มอีก 12 ล้านโดส และจะทำให้ข้อจำกัดที่แอสตร้าฯ ที่มีปริมาณได้รับการส่งมอบไม่สูงนัก ก็จะมีการไขว้กับซิโนแวค และกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้กว้างขวางต่อไป

สำหรับข้อมูลล่าสุด ถึง 16 สิงหาคม 2564 ประเทศไทยฉีดวัคซีนโควิด 19 สะสม 24,100,631 โดส เป็นเข็มแรก 18,370,997 ราย คิดเป็น 25.5% ของประชากร เข็มสอง 5,228,157 ราย คิดเป็น 7.3% และเข็มสาม 501,477 ราย

 

ข่าวเกี่ยวข้อง : 

กรมควบคุมโรคเผยผลประเมินประสิทธิผลวัคซีน “ซิโนแวค” และ “แอสตร้าฯ” ในบุคลากรการแพทย์ของไทย

ขออภัย! ตัวเลขฉีดวัคซีนโควิดเข็ม 3 ประชาชนทั่วไปคลาดเคลื่อน ยังไม่มี! เน้นบุคลากรทางการแพทย์

: “หมอประสิทธิ์” ชี้ฉีดวัคซีนไขว้ ไม่มีข้อห้ามที่แตกต่างจากการฉีดวัคซีนชนิดเดียวกัน พร้อมเผยการศึกษาสูตรผสม

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org