เภสัชกรทั่วประเทศส่งเสียงสะท้อนถึง นายกฯ และ “อนุทิน” วอนเร่งรัดกระบวนการส่งน้องๆเภสัชกรจบใหม่ที่ต้องใช้ทุนเข้าพื้นที่ รพ.ต่างๆ ภายใน 15 ก.ค. เหตุขณะนี้พื้นที่ขาดแคลน ไร้คนทำงานจัดระบบยาช่วงโควิด โดยปี 64 พบ 62 จังหวัด 218 รพ. 40 สสจ. ขาดเภสัชฯ กระบทบระบบยาของประเทศ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในสังคมออนไลน์มีการแชร์ภาพเภสัชกรทั่วประเทศ เพื่อส่งเสียงสะท้อนไปถึงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วน เร่งรัดกระบวนการส่งน้องๆ เภสัชกรใช้ทุนเข้าพื้นที่ภายใน 15 กรฎกาคม 2564 ขณะที่ชมรมเภสัชชนบท โดย ภก.สุภนัย ประเสริฐสุข ประธานชมรมฯ ออกจดหมายเปิดผนึกเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2564 ถึง พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขอให้เร่งรัดส่งเภสัชกรใช้ทุนเข้าพื้นที่ปฏิบัติงาน เพื่อสนับสนุนภารกิจจัดการวัคซีน และยับยั้งการระบาดโควิด-19

โดยระบุว่า ตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ดำเนินการจัดสรรตำแหน่งพนักงานราชการ โดยเปลี่ยนตำแหน่งและกำหนดตำแหน่ง พนักงานราชการสำหรับจัดจ้างพนักงานราชการในตำแหน่งเภสัชกร ที่มีความประสงค์จะปฏิบัติงานชดใช้ทุนของ สธ.มาตั้งแต่ปี 2563 และสำหรับในปี 2564 ยังคงพิจารณาการจ้างเป็นพนักงานราชการ แทนการบรรจุเป็นข้าราชการจำนวน 350 ตำแหน่งนั้น


ชมรมเภสัชชนบท ได้ติดตามการดำเนินการเพื่อจัดส่งเภสัชกรซึ่งมีสัญญาชดใช้ทุน เพื่อไปปฏิบัติงานในพื้นที่ชนบทและต่างจังหวัด พบว่าในปี 2564 นี้มี 62 จังหวัด 218 โรงพยาบาล 40 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ที่ยังขาดเภสัชกรไปเข้าสู่พื้นที่ปฏิบัติงานเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคโควิด กับทีมสหวิชาชีพต่างๆ อีกทั้งไม่สามารถไปหมุนเวียนสับเปลี่ยนกับเภสัชกรในระบบ ซึ่งมีการโยกย้ายแล้วในรอบปีนี้ ทำให้เกิดภาวะชะงักติดขัดในระบบยาของประเทศโดยเฉพาะงานเร่งด่วนเวลานี้ที่ร่วมกันจัดการวัคซีน ระบบลูกโซ่ความเย็น การเตรียมยาฉีดวัคซีน การติดตามอาการภายหลังได้รับวัคซีน AEFl โดยปัญหาติดขัด คือ

1. คณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ (คพร.) สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ยังไม่สามารถประชุม เพื่อสรุปแนวทางการคัดเลือกพนักงานราชการ ตำแหน่งเภสัชกรได้ ซึ่งชมรมเภสัชชนบทติดตามพบว่า สธ. ได้ทำเรื่องหารือตั้งแต่เมื่อเดือน ธ.ค. 2563

2. สธ.จะต้องใช้เวลาในการจัดการคัดเลือกและส่งตัวภายหลังได้รับแนวทางการคัดเลือกจากสำนักงาน ก.พ.ประมาณ 2-3 เดือน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า สธ.จะสามารถส่งตัวเภสัชกรเข้าไปปฏิบัติงานในพื้นที่ต่างๆ ได้ประมาณเดือน ก.ย. 2564


ชมรมเภสัชชนบท ประเมินแล้วว่า ระบบสาธารณสุขในพื้นที่ ประชาชน ผู้ป่วยจะเสียประโยชน์ได้รับผลกระทบจากความล่าช้าในการจัดส่งเภสัชกรเข้าไปสมทบสหวิชาชีพในการปฏิบัติงาน เนื่องจากเภสัชกรในระบบโรงพยาบาลและหน่วยงานต่างๆ ได้โยกย้ายประจำปีแล้ว ทำให้เกิดภาวะชะงักของระบบงาน ขาดอัตรากำลังซึ่งมีไม่เพียงพออยู่แล้วมาโดยตลอด อีกทั้งสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ต้องมีอัตรากำลังมาทดแทนหมุนเวียนเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน

"ในการนี้จึงมีข้อเสนอต่อนายกรัฐมนตรี และ รมว.สธ. ขอให้เร่งรัด ก.พ. และ สธ. ให้ปรับกระบวนการทำงานในขั้นตอนต่างๆ เพื่อให้สามารถจัดส่งเภสัชกรใช้ทุน เข้าไปปฏิบัติงานในพื้นที่ต่างๆ ภายใน 15 ก.ค. 2564 เพื่อให้มีเภสัชกรเข้าไปทำงานร่วมกับสหวิชาชีพในการดูแลผู้ป่วย การหมุนเวียนทดแทนอัตรากำลังเภสัชกรที่มีการโยกย้ายประจำปีไปแล้ว และสนับสนุนการจัดการวัคซีน ยับยั้งการระบาดของโควิดในพื้นที่ต่างๆ"