สถาบันโรคผิวหนัง เตือนหญิงตั้งครรภ์พึงระวังครีมและยาที่ควรหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรก มักพบปัญหาเกี่ยวกับการเปลี่ยนฮอร์โมน ประกอบกับผิวหนังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ก่อนเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ใดๆ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกร เพื่อความปลอดภัยของมารดาและทารกในครรภ์

นพ.มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ และโฆษกกรมการแพทย์ ร่วมกับ พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ มาให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ ว่า หญิงตั้งครรภ์พึงระวัง ควรเลือกครีมหรือยาที่ไม่มีสารต้องห้ามที่อาจส่งผลต่อลูกน้อยในครรภ์ โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรก มักพบปัญหาเกี่ยวกับการเปลี่ยนฮอร์โมน ประกอบกับผิวหนังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ก่อนเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ใดๆ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกร เพื่อความปลอดภัยของมารดาและทารกในครรภ์

ตัวอย่างครีมหรือยาที่หญิงตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยง ประกอบด้วย

-ยารักษาสิวควรหลีกเลี่ยงยาในกลุ่มของกรดวิตามินเอ รวมไปถึงสารอนุพันธ์ ทั้งในรูปแบบยารับประทานและยาทา ซึ่งสามารถดูดซึมเข้ากระแสเลือด และผ่านรกไปยังทารกในครรภ์ ทำให้ทารกพิการแต่กำเนิดได้ นอกจากนี้ การใช้ยาสิวในกลุ่ม Benzoyl peroxide และ Salicylic acid (BHA,BHT) ยารักษาฝ้า หรือยารักษาจุดด่างดำที่ใบหน้า ควรหลีกเลี่ยงยาหรือครีมที่มีส่วนประกอบของสารไฮโดรควิโนน

“ยาเหล่านี้ สามารถซึมเข้าสู่กระแสเลือด และมีผลต่อทารกในครรภ์ได้เช่นกัน อีกกลุ่มคือยาลดเม็ดสีที่มีส่วนผสมของปรอท ปนเปื้อนในครีมบางยี่ห้อในท้องตลาด เป็นอันตรายทั้งต่อมารดาและทารกในครรภ์ได้” รองอธิบดีฯ กล่าว

ส่วนครีมกันแดดที่ควรหลีกเลี่ยง

-ครีมกันแดดกลุ่มของ chemical sunscreen โดยเฉพาะ Oxybenzone, Octyl methoxycinnamate, Avobenzone, Dioxybenzone, Octocrylene และ para-aminobenzoic acid (PABA)

เนื่องจากมีรายงานว่าอาจเกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้

สำหรับครีมกันแดดที่แนะนะให้ใช้นั้น

-ครีมกันแดดในกลุ่ม Physical sunscreen โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็น Non-nanoparticle formulation

ส่วนครีมบำรุงผิว รักษารอยแตกลาย แนะนำให้ใช้ครีมที่ให้ความชุ่มชื้น ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม หรือสารที่มีวิตามินเอ กรดวิตามินเอเป็นส่วนประกอบ

“การป้องกัน คือ ก่อนเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ใดๆ หรือมีข้อสงสัย พบปัญหาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ยาที่ใช้อยู่ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญ” พญ.มิ่งขวัญ กล่าว