กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยผลศึกษาหลังรับวัคซีนซิโนแวค ต่อภูมิคุ้มกัน พบวัคซีนมีผลต่อสายพันธุ์อัลฟ่า(สายพันธุ์อังกฤษ)ทำภูมิฯ ขึ้น 50-60% อยู่ระหว่างเก็บข้อมูลเพิ่มผู้ที่ฉีดครบ 2 เข็มอีก 3 -6 เดือน และเตรียมสอบคนในฉีดวัคซีนแอสตร้าฯ ต่อไป
เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เปิดเผยถึงกรณีการตรวจสอบสายพันธุ์โควิดที่พบในประเทศไทย ว่า จากการตรวจสอบสายพันธุ์ที่พบในประเทศไทย จากตัวอย่างเชื้อที่ส่งข้ามายังกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระหว่างวันที่ 7 เม.ย. -13 มิ.ย. จำนวน 5,055 ตัวอย่าง พบว่าส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์อัลฟ่า (อังกฤษ) 4,528 ราย คิดเป็น 89.6% สายพันธุ์เดลต้า (อินเดีย) เพิ่มขึ้นจาก 359 รายที่รายงานไปก่อนหน้านี้ เป็น 496 คน หรือเพิ่ม 137 ราย มากสุดคือ กทม.สะสม 404 ราย โดยเป็นรายใหม่ 86 ราย และ ยังพบ 10 ราย ในรพ.กลางกรุงเทพฯ 3-4 แห่ง อัตราการเพิ่มขึ้น จาก 8% เป็น 9.8%
นอกจากนี้ ยังพบที่ ปทุมธานี 28 ราย นครนายก 8 ราย สกลนคร 3 ราย พะเยา 2 ราย อุบลราชธานี 2 ราย เชียงราย เพชรบูรณ์ ชลบุรี จันทบุรี ขอนแก่น อุดรธานี เลย และบุรีรัมย์ จังหวัดละ 1 ราย ขณะที่สายพันธุ์เบต้า (แอฟริกาใต้) ที่เริ่มพบที่อำเภอตากใบจังหวัดนราธิวาสเดิมพบ 26 ราย ขณะนี้พบเพิ่มอีก 2 ราย นอกอำเภอตากใบ แต่ยังอยู่ในจังหวัดนราธิวาส ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ นอกจากนี้ ยังพบอีก 3 ราย สถานกักกันตัวของรัฐจ.สมุทรปราการ
“ทั้งนี้ ความสามารถในการแพร่เชื้อของสายพันธุ์เดลต้า มากกว่าสายอัลฟ่า 40% ซึ่งต้องมีการจับตาอย่างใกล่ชิด เป็นรายสัปดาห์ หากสถานการณ์ยังทรงๆ อาจจะไม่มีปัญหาแต่หากยังมีการแพร่ระบาดแบบก้าวกระโดด คาดว่าประมาณ 2-3 เดือน อาจจะเป็นสายพันธุ์ที่ระบาดมากขึ้นสัดส่วนครึ่งต่อครึ่งกับสายพันธุ์อัลฟ่า ส่วนในต่างจังหวัดที่พบเชื้อสายพันธุ์เดลต้านั้นพบว่ามีความเชื่อมโยงกับผู้ติดเชื้อในกรุงเทพฯ มาก่อน โดยเฉพาะแคมป์คนงานหลักสี่ ทั้งนี้ การออกมาให้ข้อมูล ไม่ได้ต้องการทำให้ตกใจ แต่เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ และนำไปสู่การแก้ไขปัญหา การเฝ้าระวังเพื่อการควบคุมโรค” นพ.ศุภกิจ กล่าว
นพ.บัลลังก์ อุปพงษ์ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าว่า ขณะนี้มีการศึกษาวิจัยการเพิ่มภูมิคุ้มกันโรคหลังฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็ม ใน 200 คน โดยนำเลือด หรือซีรั่ม มาตรวจสอบกับเชื้อโควิดสายพันธุ์ต่างๆ พบว่าเมื่อตรวจกับเชื้อสายพันธุ์ดั้งเดิมพบว่ามีภูมิฯ ขึ้นสูง 100% สายพันธุ์อัลฟ่า ภูมิขึ้น 50-60% จะมีตรวจเพิ่มเติมในผู้ที่ฉีดครบ 2 เข็มแล้วเป็นเวลา 3 เดือน 6 เดือน อีกครั้ง และขณะนี้กำลังทดสอบในคนฉีดวัคซีนของแอสตร้าฯ 1 เข็ม รวมทั้งจะทำการทดสอบกับเชื้อเดลตา และเบต้า เพื่อดูถึงประสิทธิภาพวัคซีนที่ได้รับขณะนี้
ด้าน นพ.อาชวินทร์ โรจนวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า การตรวจสายพันธุ์ต่างๆ เป็นการสุ่มตรวจเพื่อเป็นแนวทางเฝ้าระวัง โดยจะสุ่มตัวอย่างจาก 1.กลุ่มที่มีอาการรุนแรง 2.กลุ่มที่มีการระบาดเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ 3.พื้นที่ที่ไม่เคยระบากแต่มีการพบเชื้อ 4.ตามชายขอบชายแดน และ 5.กลุ่มที่ได้รับวัคซีนแล้วยังติดเชื้อ
*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org
- 646 views