ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เว็บไซต์ราชกิจจาฯ เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เรื่อง บัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร ฉบับที่ 2 พ.ศ.2564 เพิ่มฟ้าทะลายโจร ในบัญชียาหลักฯ พร้อมเงื่อนไขใช้ในผู้ป่วยโควิด มีผลถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เรื่อง บัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2564 โดยใจความระบุว่า

เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนและส่งเสริมการใช้ยาจากสมุนไพรในระบบบริการสุขภาพอย่างเป็นรูปธรรม ส่งเสริมภูมิปัญญาให้ได้รับการต่อยอดโดยการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ในประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผ่านกลไกการวิจัยและพัฒนายาจากสมุนไพรอย่างเป็นระบบ ส่งผลให้ประเทศไทยสามารถพึ่งพาตนเอง และเป็นการเสริมสร้างความมั่นคงทางยาให้กับประเทศ ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ รวมทั้งเพื่อให้บัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพรมีการปรับปรุงแก้ไขให้ทันต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน

อาศัยอำนาจตามความในข้อ 8 (4) แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ พ.ศ. 2551 คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ จึงออกประกาศไว้

ข้อ 1 ให้ยกเลิกความในวรรคสอง สาม สี่ และห้า ตามรายการบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร แนบท้ายประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เรื่อง บัญขียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร พ.ศ. 2564 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

"บัญชี 1 หมายความถึง รายการยาที่ใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาพ มีหลักฐานที่สนับสนุนการใช้ตามสรรพคุณ (health benefits)หรือข้อบ่งใช้ (clinical indication) มีประสบการณ์การใช้ในประเทศไทยอย่างเพียงพอ สามารถใช้ในสถานพยาบาล โดยแบ่งเป็น

1.1 ไม่มีเงื่อนไขการใช้

1.2 มีเงื่อนไขการใช้ เช่น คุณสมบัติของแพทย์ผู้สั่งใช้ ระดับสถานพยาบาล

บัญชี 2 หมายความถึง รายการยาที่ต้องใช้โดยแพทย์แผนไทยหรือแพทย์แผนไทยประยุกต์

หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการของสถานพยาบาลนั้น ๆ โดยใช้องค์ความรู้การแพทย์แผนไทย

บัญชี 3 หมายความถึง รายการยาสำหรับโครงการพิเศษของหน่วยงานของรัฐ มีองค์ประกอบ ต่อไปนี้

1. มีหน่วยงานรับผิดชอบทั้งโครงการและงบประมาณ

2. นำเสนอโครงการเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งประกอบด้วย

2.1 บทสรุปผู้บริหาร

2.2 หลักการและเหตุผลของโครงการ รวมทั้งที่มาของการพัฒนาสูตรตำรับ

2.3 มีวัตถุประสงค์

2.4 วิธีการดำเนินโครงการ

2.5 กำหนดระยะเวลาเริ่มตัน - สิ้นสุดโครงการชัดเจน

2.6 ต้องมีการระบุ สรรพคุณเฉพาะ (specific health benefits) หรือข้อบ่งใช้ (clinical indication) และกำหนดวิธีใช้ยา ให้ชัดเจน

2.7 แนวทางการติดตามประเมินผลการใช้ยาทั้งด้านประสิทธิผลและความปลอดภัย โดยมีการรายงานความปลอดภัยไปยังศูนย์เฝ้าระวังความปลอดภัยด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ (HPVC)

ในทุกรายที่พบ

2.8 มีแนวทางการติดตามความร่วมมือในการใช้ยาของผู้ป่วย

2.9 มีหนังสือแสดงความจำนงในการรับผิดชอบและสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยงานภาครัฐ

3. ให้รายงานผลการดำเนินงานต่อคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพรทุก 1 ปี และเมื่อสิ้นสุดโครงการ

โดยรายการยาจากสมุนไพรประกอบด้วย ชื่อยา รูปแบบยา และบัญชีย่อย นอกจากนั้นอาจระบุเงื่อนไข และ/หรือหมายเหตุ และ/หรือความแรง ไว้ด้วย"

ข้อ 2 ให้เพิ่มเติมรายการยาจากสมุนไพรในบัญชีแนบท้ายประกาศนี้ เป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร พ.ศ. 2564

ข้อ 3 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นตันไป

ประกาศ ณ วันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2564

อนุทิน ชาญวีรกูล

รองนายกรัฐมนตรี

ประธานกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ

ทั้งนี้ ตามประกาศได้เพิ่มรายการยาจากสมุนไพร ประกอบด้วย

-ยาทำลายพระสุเมรุ รูปแบบยาแคปซูล บัญชี 2 ใช้สำหรับแก้ลมเปลี่ยวดำ เป็นยาเสริมเพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้ออ่อนแรง ฯลฯ

-ยาบรรเทาริดสีดวงทวารหนัก รูปแบบยาลูกกลอน บัญชี 2 สำหรับบรรเทาอาการริดสีดวงทวารหนัก

-ยาสารสกัดผงฟ้าทะลายโจรที่มี andrographolide ไม่น้อยกว่าร้อยละ 4 โดยน้ำหนัก เป็นรูปแบบยาแคปซูล บัญชี1 (1.1) ใช้สำหรับบรรเทาอาการของโรคหวัด เช่น ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหลมีไข้

-ยาสารสกัดจากฟ้าทะลายโจร รูปแบบยาแคปซูล ไม่ระบุบัญชี เงื่อนไขใช้กับผู้ป่วยโควิด19 ที่มีความรุนแรงน้อย เพื่อลดการเกิดโรคที่รุนแรง ใช้โดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม และต้องมีการติดตามประเมินประสิทธิผลและความปลอดภัยหลังการใช้อย่างเป็นระบบ

-ยาจากผงฟ้าทะลายโจร รูปแบบยาแคปซูล ไม่ระบุบัญชี ใช้กับผู้ป่วยโรคโควิด19 ที่มีความรุนแรงน้อย เพื่อลดการเกิดโรคที่รุนแรง ใช้โดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม และต้องมีการติดตามประเมินประสิทธิผลและความปลอดภัยหลังการใช้อย่างเป็นระบบ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เรื่อง บัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๖๔

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org