กรมควบคุมโรคเผยแพร่รายละเอียดไทม์ไลน์ผู้ป่วยโควิดคนไทยลอบเข้าประเทศจากเมียนมา จำนวน 3 ราย ทั้งเคสหญิงไทยอายุ 29 ปีเชียงใหม่ เคสหญิงไทยอายุ 26 ปี และ 23 ปี เชียงราย
จากกรณีพบผู้ป่วยโควิดที่จ.เชียงใหม่ ลักลอบเข้าประเทศ และผู้ป่วยโควิดอีก 2 ราย จ.เชียงราย ซึ่งลักลอบเข้าประเทศ และทำงานที่เดียวกับเคสเชียงใหม่นั้น ล่าสุดแม้จะยังไม่มีหลักฐานว่าเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ แต่มีพฤติกรรม ถือว่ามีความเสี่ยงเกิดซูเปอร์สเปรดดิ้ง อีเว้นท์ (superspreading event)
สำหรับไทม์ไลน์ของผู้ป่วยโควิดทั้ง 3 ราย กรมควบคุมโรคได้เผยแพร่รายละเอียด ดังนี้
ไทม์ไลน์ของผู้ป่วยหญิงอายุ 29 ปี จ.เชียงใหม่ ได้รับการวินิจฉัยว่า เป็นผู้ป่วยโรคโควิด-19 โดยประวัติที่ได้จากการสอบสวนอย่างรวดเร็ว เบื้องต้นดังนี้
เมื่อวันที่ 24 ต.ค. - 23 พ.ย. อยู่ในประเทศเมียนมา โดยวันที่ 23 พ.ย. ผู้ป่วยเริ่มมีอาการป่วยด้วยอาการไข้ ถ่ายเหลว จมูกไม่ได้กลิ่น
เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ยังมีอาการไข้ ไอ ปวดศีรษะ เวลา 05.00 น. เดินทางจากเมียนมาเข้าแม่สาย จ.เชียงราย ด้วยรถตู้สาธารณะ เวลา 11.00 น. เดินทางจากเชียงรายมาเชียงใหม่ ด้วยรถบัสประจำทาง และ เวลา 14.51 น. เดินทางถึงเชียงใหม่ ใช้บริการ Grab Car 1 คันกลับคอนโดของผู้ป่วย ขณะที่ช่วงกลางคืนใช้บริการรถ Grab Car 2 ไปเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ย่านสันติธรรม กับเพื่อน 2 คน มีการสูบบุรี่ร่วมกัน ต่อมาเวลา 02.00 น. เข้าพักค้างคืนที่คอนโดแห่งหนึ่งของเพื่อน ที่มาจากสถานบันเทิงด้วยกัน พร้อมกับเพื่อนคนที่ 1 และมีเพื่อนคนที่ 2 และคนที่ 3 ซึ่งพักอยู่ในห้องใกล้กันตรงข้ามกัน เข้ามาร่วมดื่มสุรา
เมื่อวันที่ 25 พ.ย. เวลา 12.00 น. ออกจากคอนโดของเพื่อน ใช้บริการ Grab Car 3 เวลา 13.00 น. เดินทางกลับถึงคอนโดที่พักของผู้ป่วย เวลา 15.30-20.30 น. ใช้บริการรถ Grab Car 4 ไปห้างสรรพสินค้าและอยู่ในห้าง โดยมีกิจกรรม คือ ชมภาพยนตร์ ทานอาหาร และเดินซื้อของ โดยพฤติกรรมส่วนใหญ่ของผู้ป่วยสวมใส่หน้ากากอนามัย แต่ไม่ตลอด และได้เรียก Grab Car 5 กลับคอนโด
เมื่อวันที่ 26 พ.ย. เวลา 15.30 น. ใช้บริการ Grab Car 4 เพื่อไปตรวจที่ รพ.เอกชน แห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ มีอาการจมูกไม่กลิ่น และถ่ายเหลว อุณภูมิร่างกาย 36.9 เซสเซียส ตรวจหาเชื้อโควิด-19
เวลา 22.00 น. ส่งต่อ เข้ารับการตรวจหาเชื้อที่ รพ.นครพิงค์
เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ผลตรวจยืนยันพบเชื้อ ทีมปฏิบัติการสอบสวนโรค สสจ.เชียงใหม่ และ สคร.1 ดำเนินการสอบสวนและควบคุมโรค
(ข่าวเกี่ยวข้อง : ผู้ป่วยโควิดเชียงใหม่ลักลอบเข้าไทย พฤติกรรมเสี่ยงเกิดซูเปอร์สเปรดดิ้ง อีเว้นท์)
สำหรับไทม์ไลน์ของผู้ป่วยหญิงอายุ 26 ปี จ.เชียงราย เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 25 พ.ย. โดยมีไข้ต่ำๆ ไอ จากนั้น วันที่ 27 พ.ย. ช่วงเช้าเดินทางกลับประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติพร้อมกับเพื่อนชาวไทย 1 คน โดยมีผู้นำทางเป็นชาวเมียนมา ซึ่งกลับประเทศไปแล้ว โดยเดินทางจากหมู่บ้านต้นทางถึงแม่สาย โดยจักรยานยนต์รับจ้าง 1 แล้วแวะซื้ออาหารที่ร้านอาหารและซื้อน้ำที่ร้านน้ำหน้าวัดแห่งหนึ่ง แล้วเข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่งในอ.แม่สาย โดยรายนี้สวมหน้ากากอนามัยตลอด
ทั้งนี้ ได้เข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่งในอ.แม่สาย 09.00น.วันเดียวกัน โดยพักแยกห้องกับเพื่อน ช่วงกลางคืนไปซื้ออาหารที่ร้านสะดวกซื้อ โดยพนักงานโรงแรมขี่รถพาไป จากนั้น วันที่ 28 พ.ย. ประมาณ 15.00 น. นั่งรถมอเตอร์ไซต์รับจ้าง 2 จากแม่สาย ไปอ.เมือง โดยระหว่างทางแวะซื้อของที่ร้าน โทรศัพท์ตรงข้ามโรงแรมที่พักต่อมาเวลา 17.00 น. เข้ารับการตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งแล้วขอมารับการรักษาต่อที่รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์เวลา 21.30 น. โดยรักษาที่ห้องแยกโรคระบบทางเดินหายใจ กระทั่งวันที่ 29 ช่วงเวลา 2:00 น ผลการตรวจ พบเชื้อก่อโรค SARS-CoV-2 ที่รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์
ส่วนไทม์ไลน์ผู้ป่วยหญิงอายุ 23 ปี เดินทางกลับจากไปทำงานที่ท่าขี้เหล็ก เมียนมา ไม่มีอาการป่วย โดยวันที่ 27 พ.ย. ช่วงเช้าเดินทางกลับประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ พร้อมกับเพื่นอชาวไทย 1 คน โดยมีผุ้นำทางเป็นชาวเมียนมา ซึ่งกลับประเทศไทย โดยเดินทางจากหมู่บ้านต้นทางถึงแม่สาย โดยจักรยายนต์รับจ้าง 1 แล้วแวะซื้อาหารที่ร้านอาหารและซื้อน้ำที่ร้านน้ำหน้าวัดแห่งหนึ่ง จากนั้นเข้าพักในโรงแรมในอ.แม่สาย โดยกลางคืนไปซื้ออาหารที่ร้านสะดวกซื้อ ขณะที่วันที่ 28 พ.ย. พักอยู่ในโรงแรมไม่ได้ออกไปไหน สั่งอาหารทางออนไลน์ ส่วนวันที่ 29 พ.ย. เริ่มมีอาการป่วยศีรษะ ปวดตามตัว มีน้ำมูก ทราบผลการตรวจหาเชื้อโควิด19 ของผู้ร่วมเดินทางเป็นบวก เจ้าหน้าที่สาธารณสุข รพ.แม่สายรับตัวจากโรงแรมที่พัก ส่งรพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ เพื่อนำเข้าห้องแยกโรค เพื่อตรวจหาเชื้อ กระทั่งวันที่ 30 พ.ย. ผลตรวจพบเชื้อโควิด
อย่างไรก็ตาม นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค ย้ำว่า สำหรับพื้นที่ทั้งเชียงใหม่ และเชียงราย ขณะนี้ไม่ต้องกังวล เนื่องจากมีการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดทั้งหมด แต่ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตัว ทั้งสวมหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า หมั่นล้างมือ เว้นระยะห่าง และหากพื้นที่พบบุคคลสงสัยลักลอบเข้าไทย ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ เพื่อติดตามและเฝ้าระวังโรคทันที
- 121 views