ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารสุข 4 พื้นที่สุขภาพเข้ม 10 จังหวัดป้องกันโควิดเมียนมาเข้าไทย

เมื่อวันที่ 8 ก.ย. นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 2 กล่าวถึงการควบคุมป้องกันโรคโควิด-19 ในพื้นที่เขตฯ จังหวัดตาก ที่มีพรมแดนติดกับประเทศเมียนมา ว่า วันนี้ได้มีการประชุม ร่วมกับโรงพยาบาลในพื้นที่ 5 อำเภอชายแดนไทย- เมียนมา ทั้ง แม่สอด ท่าสองยาง พบพระ อุ้มผาง และ แม่ระมาด ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เพื่อวางแผนรับมือโควิดในเมียนมาที่อาจจะข้ามมาฝั่งไทยได้ เพราะสถานการณ์เมียนมาวันนี้พบผู้ป่วยมากขึ้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด 

สำหรับกรณีที่มีบุคลากรออกมาเปิดรับบริจาคอุปกรณ์ป้องกันต่างๆ นั้น เข้าใจว่าเป็นความห่วงใย และกังวลว่าอุปกรณ์และเวชภัณฑ์ในการป้องกันอาจไม่พอ ต้องการขอเพิ่ม อย่างไรก็ตามจากการสำรวจครุภัณฑ์ต่าง ทั้งยา และ การป้องกัน มีเพียงพอใช้ได้นาน 2-3 เดือน ยังไม่จำเป็นต้องร้องขอเพิ่ม ขณะนี้อยู่ระหว่างการพูดคุยเพื่อสร้างความเข้าใจให้ตรงกันกับบุคลากรในพื้นที่ ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการระบาดไม่จำเป็นต้องร้องขอเพิ่ม อย่างไรก็ตาม วันนี้ (8 ก.ย.) มีรถชีวนิรภัยพระราชทานลงพื้นที่มาตรวจหาเชื้อโควิดในพื้นที่แล้ว 

พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผู้ตรวจราชฯ เขตฯ 5 กล่าวว่า เขต 5 มีทั้งหมด 8 จังหวัด ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ติดขอบชายแดนประเทศเมียนมา โดยจังหวัดที่มีความเสี่ยง 4 จังหวัด คือ ราชบุรี กาญจนบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ อย่างไรก็ตามจังหวัดที่ไม่ติดขอบชายแดน แต่เป็นเป้าหมายการเดินทางมาทำงานของกลุ่มแรงงานต่างด้าว ที่เดินทางผ่านจุดข้ามแดนแม่สอดเข้ามา มี 2 จังหวัด คือ นครปฐม กลุ่มแรงงานตลาดปลา สมุทรสาคร ที่มีโรงงานจำนวนมาก และเป็นเมืองหลวงนอกประเทศเมียนมา และอีก 2 จังหวัด ที่มีความเสี่ยงต่ำ คือ สมุทรสงคราม และ สุพรรณบุรี ขณะนี้ก็มีความร่วมมือกับทางจังหวัดในการเฝ้าระวังกลุ่มแรงงานต่างด้าวอย่างใกล้ชิด ทั้งที่ทำงานในไทยอยู่แล้ว และป้องกันการลักลอบ 

ล่าสุด สถานการณ์ในพื้นที่ เรามีความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์เต็มที่ทั้งบุคคลากร และอุปกรณ์การแพทย์ และห้องแล็ปตรวจเชื้อ ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีแม้จะไม่มีรายงานพบผู้ติดเชื้อในประเทศ แต่ในเขตก็มีการสุ่มตรวจหาเชื้อเดือนละ 1 ครั้ง ทั้งในกลุ่มบุคลากรการแพทย์และกลุ่มผู้ป่วยทั่วไปก่อนเข้ารับการรักษาหัตถการสำคัญ เช่นเดือนเม.ย.ตรวจ 3,446 ตัวอย่าง เดือนมิ.ย. 9,333 ตัวอย่าง ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ และขณะนี้กำลังดำเนินการเก็บสิ่งส่งตรวจในกลุ่มแรงงานต่างด้าวในพื้นที่อีก 1,000 ตัวอย่าง

นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 1 กล่าวถึงการควบคุมป้องกันโรคโควิด-19 ในพื้นที่เขตฯ 1 ซึ่งมี 3 จังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเมียนมา คือ คือเชียงราย เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน ว่า สถานการณ์ใน 3 จังหวัดนี้ไม่ค่อยน่าเป็นห่วงมากนัก เพราะขณะนี้มีการปิดด่านพรมแดนระหว่าง 2 ประเทศแล้ว ถ้าจะมีคงเป็นกรณีการลักลอบเข้าประเทศผ่านพรมแดนธรรมชาติ แต่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเฝ้าระวังกันอย่างเข้มงวด แต่ที่น่ากังวลน่าจะเป็นที่แม่สอด จังหวัดตากมากกว่า ส่วนที่เขต 1 ไม่ค่อยมีปัญหานัก แต่ก็มีการเตรียมพร้อมอุปกรณ์การแพทย์ ยาเวชภัณฑ์ต่างๆ พร้อมรับมือประมาณ 3 เดือน และพร้อมรับมือ 2 สัปดาห์ข้างหน้าที่มีการสันนิษฐานว่าโควิดเมียนมาจะประชิดชายแดนไทยด้วย  

“แง่ของโรคระบาดหากหลุดเข้ามาแล้วจะน่ากลัว คุมยาก ดังนั้นสิ่งที่มอบให้แต่ละจังหวัดในเขต 1 ทำอยู่คือกำหนดชุมชนเสี่ยงที่มีการข้ามไปมา ระหว่าง 2 ประเทศ หรือชุมชนที่แรงงานมามักจะไปพำนักหรือทำงาน ว่าจะต้องมีการสุ่มเก็บตัวอย่างของคนในชุมชนนั้น ประมาณ 30-40 คน เพื่อตรวจหาเชื้ออยู่สม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้เกิดการหลุดรอด ถ้าเจอจะได้ควบคุมได้เร็ว”นพ.ธงชัย กล่าว 

ด้าน นพ.พิทักษ์พล บุณยมาลิก ผู้ตรวจฯ เขตฯ 11 ที่มี 2 จังหวัดติดชายแดนเมียนมาคือ ชุมพร และระนอง กล่าวว่า จากการตรวจสอบเขตฯ 11 มีความพร้อม ทั้งอุปกรณ์การแพทย์รวมถึงเตียงในการรับมือโควิด-19 มีการประสานผู้ว่าราชการจังหวัดในการเฝ้าระวังแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าว ในพื้นที่ที่มีพรมแดนติดกับเมียนมา ทั้งระนอง จ.ชุมพร รวมถึง จ.ภูเก็ตด้วย แม้ไม่มีพรมแดนติดกับเพื่อนบ้าน แต่ก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามา