กรมควบคุมโรคเผยร้าน “3วัน2 คืน” สาขาพระราม 5 มีผู้สัมผัสทั้งหมด 55 ราย เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 23 ราย ตรวจแล้ว 22 ราย ไม่พบเชื้อ ส่วนแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีติดตามตัวได้แล้ว ขณะที่ภาพรวมเคสสัมผัสผู้ต้องขังอยู่ที่ 708 ราย
เมื่อวันที่ 5 ก.ย. เวลา 12.00 น. นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามผู้สัมผัสผู้ต้องขังติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 ) ว่าข้อมูลล่าสุดวันนี้ (5 ก.ย.) ผู้ป่วยยังไม่มีอาการอะไรน่าเป็นห่วง อยู่ในการดูแลของรพ.ราชทัณฑ์ ส่วนการสอบสวนเพิ่มเติม และขณะนี้มีการสอบสวนเพิ่มเติม พบผู้สัมผัสเพิ่มขึ้น สะสมอยู่ที่ 708 ราย แบ่งเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 140 ราย สัมผัสเสี่ยงต่ำ 568 ราย
ทั้งนี้ เมื่อแยกเป็นรายกลุ่ม แบ่งเป็น 1. ที่พำนักพักที่คอนโด มีผู้สัมผัส 6 ราย ทั้งหมดตรวจแล้วไม่พบเชื้อ 2. กลุ่มที่ไปศาลเมื่อวันที่ 26 ส.ค. มีผู้สัมผัส 493 ราย แบ่งเป็นเสี่ยงสูง 15 ราย ตรวจแล้ว 11 ราย ไม่พบเชื้อ เสี่ยงต่ำ 478 ราย ตรวจแล้ว 146 ราย ไม่พบเชื้อ ที่เหลืออยู่ระหว่างรอผลตรวจ และ อยู่ระหว่างเฝ้าระวัง 14 วัน 3. กลุ่ม รพ.ราชทัณฑ์ มีผู้สัมผัส 6 ราย ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ อยู่ระหว่างเฝ้าระวัง 14 วัน
4. กลุ่มทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง มีผู้ต้องขังที่อยู่ร่วมระหว่างต้องกัก 36 คน ตรวจแล้วไม่พบเชื้อฯ รอกักตัวให้ครบตามกำหนด 14 วัน และต้องตรวจซ้ำอีก 2 ครั้ง และอีกกลุ่มที่เป็นเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครเรือนจำ ซึ่งมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 24 ราย แยกกักแล้ว อยู่ระหว่างเก็บตัวอย่างส่งตรวจ และเสี่ยงต่ำ 52 ราย ให้เฝ้าระวัง 14 วัน โดยปฏิบัติตามมาตรการทางด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด 5. เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มีผู้สัมผัส 8 ราย เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งหมด โดยเป็นผู้ต้องขังที่นั่งรถโดยสารร่วมกัน ตรวจแล้วไม่พบเชื้อ
6. ที่ทำงานร้าน “3 วัน2 คืน” สาขาพระราม 3 ซึ่งมีผู้สัมผัส 14 ราย เสี่ยงสูงทั้งหมด ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลแล็บ ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ติดต่อเข้ามารับการคัดกรองที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือประเมินความเสี่ยงได้ที่แอพพลิเคชั่น “BKKCOVID19” หากมีความเสี่ยง ทาง กทม.จะประสานกลับไป
“ส่วนร้าน “3วัน2 คืน” สาขาพระราม 5 มีผู้สัมผัสทั้งหมด 55 ราย เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 23 ราย ตรวจแล้ว 22 ราย ไม่พบเชื้อ ส่วนอีก 1 ราย ซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าวที่มีรายงานข่าวว่าหลบหนีนั้นขณะนี้ติดตามตัวได้แล้ว ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 32 ราย ต้องเฝ้าระวัง 14 วัน ส่วนที่ร้านเฟิร์ส คาเฟ่ต์ ที่ถนนข้าวสาร มีผู้สัมผัส 14 ราย เสี่ยงสูงทั้งหมด ได้รับการตรวจแล้ว 13 ราย ไม่พบเชื้อ ส่วนอีก 1 ราย พบว่ามีอาการเข้าเกณฑ์ PUI ได้นำส่งไปรักษาที่รพ.กลาง แล้ว เพื่อตรวจและดูแลรักษา อยู่ระหว่างรอผล ส่วนผู้มารับบริการอื่นๆ ที่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ ก็จะดำเนินการประชาสัมพันธ์ว่าท่านใดที่มีข้อสงสัยหรือคิดว่าตัวเองมีความเสี่ยงต่ำสามารถมาขอรับบริการหรือว่าสอบถามเข้ามายังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้” นพ.สุวรรณชัย กล่าว
อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวต่อว่า เชื่อว่าประชาชนมีคำถาม 4 คำถาม 1.ข้อสงสัยว่าติดเชื้อจากที่ไหน ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวน ส่วนที่2 มีความกังวลว่าผู้ต้องขังรายนี้จะไปแพร่โรคให้ใครหรือไม่ ซึ่งยืนยันว่ารายนี้ไม่มีอาการมาก ประกอบกับเป็นดีเจ ทำงานกลางคืนไม่ได้ ทำงานบริการโดยตรง คนที่สัมผัสโรคจึงมีจำกัดในระดับหนึ่ง และด้วยความทำงานกลางคืน กลางวันจึงพัก ถ้าจะไปไหนคงมีแค่กิจวัตรประจำวันเท่านั้น ความเสี่ยงความกังวลว่าจะมีการแพร่เชื้อแบบซูเปอร์สเปรดเดอร์หรือไม่นั้นจะไม่มาก ส่วนที่ 3 เมื่อเราตรวจในส่วนของผู้สัมผัสใกล้ชิด ซึ่งถาจะแพร่โรคให้ใครก็คงเป็นคนในครอบครัวก่อน แต่จากการตรวจคนในครอบครัวทั้งหมดตอนนี้ยังไม่มีใครติดเชื้อฯ และตามต่อคนใกล้ชิดคือผู้ต้องขังที่อยู่ร่วมกัน 36 คนก็ไม่เจอ ที่ศาลก็ไม่เจอ พนักงานที่ทำงานด้วยกันก็ไม่พบเชื้อ
นั่นหมายความว่าโอกาสที่จะไปแพร่เชื้อให้คนอื่น หรือผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำโอกาสก็ยิ่งน้อยไปอีก ที่เป็นแบบนี้ได้ส่วนหนึ่งคือมาตรการการควบคุมป้องกันโรคที่เราทำกันอยู่แม้ว่าจะหละหลวมไปบ้างแต่อย่างน้อยก็ได้ทำ เพราะฉะนั้นคำแนะนำสำหรับประชาชนตอนนี้จึงแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่ 1 คือประชาชนที่คิดว่าตัวเองไปอยู่ในสถานที่ หรือวันเวลาที่ผู้ติดเชื้ออาจจะไปนั้นก็ไม่ต้องตกใจหรือกังวล ให้โทรสอบถาม 1422 หรือเดินไปขอรับคำปรึกษา ตรวจคัดกรองได้ แต่ต้องมีการให้ประวัติก่อน และถ้าจุดไหนที่มีรถเก็บตัวอย่างเชื้อชีวนิรภัย ก็สามารถไปขอรับบริการได้ และปฏิบัติตัวตามมาตรการควบคุมโรคไปก่อน
กลุ่มที่ 2 สำหรับประชาชนทั่วไป โอกาสที่จะเจอผู้ติดเชื้อหรือมีรายงานผู้ติดเชื้อในประเทศไทย ก็จะเหมือนกับต่างประเทศที่มีการควบคุมได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะมากับแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมือง หรือผู้ติดเชื้อในชุมชนที่ไม่แสดงอาการหรือมีอาการน้อยๆ แต่ประชาชนไม่ต้องตกใจ ตื่นกลัว อันดับแรกคือคงมาตรการควบคุมป้องกันโรคเข้มข้นเอาไว้ จากที่ก่อนหน้านี้ คร.ได้สำรวจทุก 14 วัน พบว่าประชาชนการ์ด ตอนนี้ก็ขอให้ยกสูง โดยเฉพาะการสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า การเว้นระยะห่าง และการล้างมือ อีกส่วนหนึ่งคือสถานประกอบการต่างๆ หรือผู้ที่ดำเนินกิจกรรมทางสังคม ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการหลักและมาตรการเสริมของ ศบค.อย่างเคร่งครัด รวมถึงกำชับผู้ใช้บริการปฏิบัติตามอย่างเคร่ง ดีกว่าปล่อยให้เกิดการติดเชื้อหรือระบาด
“ขอยืนยันว่าเราพบผู้ติดเชื้อและรายงาน แต่สามารถควบคุมไม่ให้เกิดการระบาด และทำมาตรการเชิงรุกให้ครอบคลุม ดังนั้นจะพยายามค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูง เสี่ยงต่ำให้มากและนำมาดูแลตามมาตรการเพื่อสร้างความมั่นใจว่าถึงแม้จะเจอผู้ติดเชื้อ แต่เราจะควบคุมไม่ให้เกิดการระบาด” นพ.สุวรรณชัย กล่าว
- 6 views