เปิดไทม์ไลน์ “ผู้ต้องขัง” ติดโควิด19  ภายในประเทศรายแรกรอบ 100 วัน เป็นผู้ต้องขังทัณฑสถานบําบัดพิเศษกลางบางเขน ยืนยันไม่ติดเชื้อนักโทษอื่นๆ ย้ำพี่น้องประชาชนท่องเที่ยววันหยุดยาว 4-7 ก.ย.นี้ได้ แต่ขอให้ปฏิบัติมาตรการป้องกัน ส่วนสาเหตุติดเชื้อกำลังตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม

เมื่อเวลา 17.15 น. วันที่ 3 ก.ย. ที่กรมควบคุมโรค(คร.) กระทรวงสาธารณสุข นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) แถลงข่าวกรณีพบผู้ต้องขังติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ว่า ผู้ต้องขังรายนี้มีการตรวจเชื้อจนพบว่า เป็นบวก ซึ่งเป็นการตรวจเชื้อตามกระบวนการของเรือนจำอยู่แล้ว และมีการแยก ไม่ได้อยู่รวมกับนักโทษอื่นๆ สรุปคือ เป็นการติดเชื้อระหว่างการกักกัน และเป็นการติดเชื้อภายในประเทศรายแรกหลังจากปลอดเชื้อ 100 วัน และจากการสอบสวนโรคก็จะพบผู้เสี่ยงสูง และผู้มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งมีมาตรการในการดูแลกลุ่มดังกล่าวแล้ว ส่วนประชาชนที่กังวลขอให้โทรมาสอบถามสายด่วน 1422 ขอย้ำว่า พี่น้องประชาชนสามารถไปท่องเที่ยวในวันหยุดยาวได้ตามปกติ แต่ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคตามเดิม

ด้าน พญ.วลัยรัตน์ ไชยฟู ผู้อำนวยการสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผู้ต้องขังที่เป็นผู้ติดเชื้อรายนี้ทราบข้อมูลมาตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย. โดยมีผลการตรวจจากเรือนจำ และทางกรมได้ทำการตรวจสอบซ้ำ โดยเก็บตัวอย่างสิ่งส่งตรวจส่งห้องปฏิบัติการ 2 แห่ง ซึ่งพบว่ามีการติดเชื้อจริง ขณะนี้การสอบสวนโรคยังไม่แล้วเสร็จ จึงยังไม่ทราบว่ามีการติดเชื้อมาจากที่ไหน ดังนั้นเบื้องต้นจะตรวจสอบย้อนหลังกลับไป 14 วัน ตามสถานที่ที่ผู้ป่วยรายนี้มีการเดินทางไป หากยังไม่พบก็ขยายเวลาการตรวจสอบออกไปอีก 

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ได้ตอนนี้ มีการตรวจสอบบ้านพัก คือ  

1.บ้านสวนธนพุทธบูชา บางมด กรุงเทพฯ มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 7 คน ขณะนี้ติดตามตัวได้แล้ว 5 คน เหลืออีก 2 คน ซึ่งเดินทางไปต่างจังหวัดในเขตปริมณฑล ซึ่งคาดว่าวันที่ 4 ก.ย.นี้น่าจะติดตามตัวได้

2.สถานที่ทำงานพบว่ามี 3 แห่ง คือ เป็นดีเจ“ร้าน 3 วัน 2 คืน” จำนวน 2 สาขา คือสาขาพระราม 3 ในวันจันทร์, พฤหัสบดี และวันเสาร์ ส่วนสาขาพระราม 5 ทำงานวันศุกร์ และวันอาทิตย์ ครอบคลุมระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 12 -26 ส.ค. 2563 นอกจากนี้ยังพบว่าทำงานที่ร้าน เฟิร์ส คาเฟ่ต์ ถนนข้าวสาร ในวันที่ 18 ส.ค. ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบสวนหาผู้สัมผัสใกล้ชิด โดยผู้ที่เคยไปร้านเหล่านี้ขอให้สังเกตอาการตัวเองว่ามีไข้ ไอ เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรสหรือไม่ หรือหากกังวลสามารถติดต่อเพื่อสอบถามและประมาณความเสี่ยงได้ และถ้าเป็นไปได้ขอให้หยุดการเดินทางไปในที่ชุมชน สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ ด้วย   

3. จากการสอบสวนยังพบว่าในวันที่ 26 ส.ค. ผู้ป่วยขับรถส่วนตัวไปศาลรัชดา และทัณฑ์สถานบำบัดพิเศษกลาง โดยอยู่บริเวณกักกัน ก่อนเข้าแดนปกติ ในเรือนจำ มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงประมาณ 20 คน คือ ทนาย  1 คน เจ้าหน้าที่เรือนจำ 2 คน นักโทษที่ตัดสินคดีร่วม 2 คน นักโทษร่วมรถโดยสาร 15 คน ทั้งนี้ผู้ป่วยรายนี้มีเสมหะในวันที่ 29 ส.ค. ที่ผ่านมา อยู่ในบริเวณกักกันก่อนเข้าแดนปกติในเรือนจำ มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 36 คน คือผู้ต้องขังในห้องขังเดียวกัน 34 คน อาสาสมัครนักโทษ 2 คน  ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำมี 2 คน คือเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ โดยผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งหมดตรวจไม่พบเชื้อ  พบว่า มีกลุ่มเสี่ยงสูงประมาณ 20 คน เป็นทนายความ นักโทษผู้ร่วมรถโดยสาร นักโทษที่ร่วมคดี ส่วนนักโทษอื่นๆ 34 คนก็มีการตรวจ แต่ไม่พบเชื้อ

ด้าน นพ.เมธีพจน์  ชาตะเมธีกุล ผอ.กองควบคุมโรคติดต่อ สำนักอนามัย กทม. กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งปิดสถานบันเทิงทั้ง 3 แห่ง แล้วเพื่อทำความสะอาด 

 

นพ.วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ ต้องดูแลผู้ต้องขังกว่า 3 แสนคน ซึ่งไม่ได้ตรวจพบเจอจำนวนมาก โดยรายนี้เป็นรายที่ 2 พบเจอในทัณฑสถานบําบัดพิเศษกลางบางเขน มีผู้ต้องขังรวม 8 พันคน แต่รายนี้เป็นเรายเดียวที่มีการตรวจเจอเชื้อเองตามกระบวนการว่า ผุ้ต้องขังรายใหม่ต้องแยกกักขังก่อนเข้าเรือนจำปกติ เป็นเวลา 14 วัน ซึ่งรายนี้ได้รับความร่วมมือจากนักเทคนิคการแพทย์มหาวิทยลัยมหิดลมาช่วยตรวจเชื้อ ซึ่งก็พบเชื้อ แต่อย่างไรก็ดี การพบผู้ต้องขังรายดังกล่าวเป็นบวกนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการแพร่เชื้อไปยังผู้ต้องขังรายอื่นๆของเรือนจำ เพราะกรมราชทัณฑ์ มีการแบ่งแยกพื้นที่ของผู้ต้องขังรายใหม่เข้ามาจนครบ 14 วัน และรายนี้จากไทม์ไลน์ก็ไม่ได้ไปต่างประเทศ อยู่ในประเทศไทย

"ขณะนี้แยกผู้ต้องขังไปอยู่ในรพ.ของราชทัณฑ์แล้ว รวมทั้งผู้ต้องขังรายอื่นๆ 34 คนด้วยเช่นกัน" นพ.วีระกิตติ์ กล่าว