แนวโน้ม  ผลกระทบ และการเตรียมรับมือการระบาดรอบที่สองของ Covid-19

 

ร่วมจัดทำโดย

นายแพทย์คำนวณ อึ้งชูศักดิ์        :           ที่ปรึกษากรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข

ศ. ดร. นพ. ประสิทธิ์ วัฒนาภา     :           คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์      :           อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

ประกอบการเสวนา Visual Policy Forum “เตรียมพร้อมอย่างไรกับการระบาดรอบที่สองของ Covid-19” วันที่ 22 กรกฎาคม 2563 สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส

 

            เป็นธรรมชาติของโรคระบาดโดยเฉพาะโรคที่ระบาดไปทั่วโลก (Pandemic)  ที่จะมีการระบาดหลายระลอก  โรคโควิด-19 ก็เกิดปรากฎการณ์เช่นนั้นในหลายประเทศ  สังคมไทยเริ่มตั้งคำถามว่าแล้วประเทศไทยจะมีการระบาดระลอกสองหรือไม่   ถ้ามีจะเกิดจากสาเหตุใด  เกิดที่ไหน  ความรุนแรงจะมากกว่าหรือน้อยกว่าเดิม  และประเทศไทยควรรับมืออย่างไร ควรเปิดประเทศหรือปิดไปเรื่อยๆ  ฯลฯ จากการประเมินความเสี่ยงของกระทรวงสาธารณสุชและผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และสาธารณสุขส่วนใหญ่     พอจะประมวลความเห็นโดยสังเขปได้ดังนี้

 

1.โอกาสเกิดการระบาดรอบสอง  

ในที่นี้หมายถึงว่ามีการติดเชื้อโควิดเกิดขึ้นในประเทศไทย  ไม่ได้หมายถึงการติดเชื้อจากประเทศอื่น   แม้ว่าประเทศไทยจะไม่พบการติดเชื้อในประเทศมานานเกือบสองเดือน  แต่ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าจะไม่เกิดขึ้น  ตัวอย่างมีให้เห็นในหลายประเทศที่ไม่พบการติดเชื้อหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือน  แต่ในที่สุดก็เกิดการติดเชื้อและมีการระบาดขึ้นอีก  เช่นจีน  ฮ่องกง หรือประเทศที่ควบคุมได้ดีในระยะแรกก็เกิดการระบาดใหม่เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ออสเตรเลีย  ฯลฯ   ประเทศไทยเองก็มีโอกาสสูงที่จะเกิดการระบาดระลอกสองในครึ่งปีหลัง

 

2.สาเหตุการระบาดระลอกสอง 

ในต่างประเทศการระบาดระลอกใหม่มีสาเหตุเกี่ยวข้องกับการรวมตัวของผู้คนใน  สถานบริการเริงรมย์ (เกาหลี ญี่ปุ่น )  หอพักแรงงานต่างชาติ (สิงคโปร์ )  สถานที่ปิดและคนแออัดเช่นตลาดอาหารขนาดใหญ่ (จีน)  สำหรับประเทศไทย  มีการวิเคราะห์ว่าการที่ประเทศไทยไม่พบคนไทยติดเชื้อในประเทศเป็นเวลาสองเดือน  เป็นเครื่องชี้ว่าภายในประเทศน่าจะมีคนที่ติดเชื้อน้อยมากๆ หรืออาจไม่มีแล้ว  การติดเชื้อใหม่น่าจะเกิดจากการนำเข้า   โดยที่ประเทศไทยมีความเสี่ยงการนำเข้าทั้งทางบก ทางน้ำ และการเดินทางอากาศ เพราะ

2.1 ประเทศไทยไม่ได้เป็นเกาะแยกขาดจากคนอื่น (เหมือนไต้หวันที่ยังไม่เกิดการระบาดระลอกสอง)  แม้ว่าเราจะควบคุมการเข้าออกของผู้คนที่มาทางน่านฟ้าได้ด้วยการจำกัดเที่ยวบิน  แต่เรามีพรมแดนทางธรรมชาติติดกับประเทศเพื่อนบ้านรอบทิศ  และมีแนวชายฝั่งที่ยาวเหยียด   ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ทำการจับผู้ลักลอบเดินทางเข้าประเทศแบบผิดกฎหมายวันละเป็นหลักร้อย  ที่ไม่สามารถจับกุมได้คงอีกหลายเท่า  ขณะนี้การระบาดทางทิศตะวันตกอันได้แก่อินเดีย  บังคลาเทศ  ยังรุนแรงมาก   หากลุกลามเข้าพม่า ประเทศไทยคงลำบาก  สำหรับน่านน้ำ  เรามีเรือประมงไทยหลายพันลำพร้อมลูกเรือที่ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติออกไปหาปลาถึงประเทศไกลๆ  เช่นมาเลเซีย  อินโดนีเซีย มหาสมุทรอินดีย และยังมีผู้คนอพยพทางทะเลมุ่งมาไทย  

2.2 เพื่อแก้ไขปัญหาคนตกงาน  ไม่ใช่เพื่อการทำกำไรหรือเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบเดิม  เราจำเป็นต้องเปิดประเทศอย่างแน่นอน  ให้นักธุรกิจ นักท่องเที่ยว เข้ามาบ้าง   แม้จะเป็นความเสี่ยง  แต่เป็นความเสี่ยงที่จำเป็นและจัดการได้ถ้ามีกระบวนการและการเตรียมการที่ดีในช่วงจังหวะที่เหมาะสม

 

3. จังหวัดที่จะเกิดการระบาด  

คงไม่แตกต่างจากรอบแรกมาก   จังหวัดที่จะเริ่มพบผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศมีประมาณ  15 จังหวัดที่เป็นศูนย์กลางการเดินทาง  การค้าขาย การผลิต  เช่นกรุงเทพปริมณฑล   จังหวัดที่มีท่าอากาศยานนานาชาติและเป็นเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆเช่นภูเก็ต ขลบุรี  เชียงใหม่ ชายแดนสำคัญทางใต้ ตะวันตก และตะวันออก  เรามีด่านช่องทางเข้าออกต่างประเทศถึง  68 แห่ง 

 

4.  ความรุนแรง  

ทางหลักวิชาระบาดวิทยานั้น   การระบาดและความรุนแรงมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องอย่างน้อยสามปัจจัยด้วยกัน  ปัจจัยแรกคือ  ตัวเชื้อโรค  ปัจจัยที่สองคือ พฤติกรรมและภูมิต้านทางของประชาชน และปัจจัยที่สามคือ ระบบของสังคมและมาตรการด้านต่างๆว่าเข้มแข็งหรืออ่อนแอ    

ปัจจัยในด้านตัวเชื้อ SAR-CoV-2  นั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติเป็นสายพันธ์ใหม่ๆ ล่าสุดสายพันธ์ D614G เป็นสายพันธ์หลักไม่ใช่สายพันธ์ที่แรกเริ่มจากจีน  อาจมีสมมุติฐานว่าสายพันธ์ใหม่นี้ติดง่ายขึ้นจากการสังเกตในห้องปฎิบัติการ แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าความรุนแรงของตัวโรคจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง   แบบแผนของการติดเชื้อในหลายประเทศพบว่าคนติดเชื้อเริ่มเป็นคนอายุน้อยลงซึ่งทำให้ไม่ค่อยมีอาการรุนแรง  ปัจจัยด้านตัวเชื้อในขณะนี้จึงไม่ใช่เรื่องคุกคามที่สำคัญ 

ปัจจัยในด้านพฤติกรรม   แม้ว่าเราจะมีคนลักลอบเข้าเมืองพอควร  แต่คนไทยและแรงงานอพยพให้ความร่วมมือในด้านการสวมหน้ากาก ล้างมือ อย่างดี   เจ้าของกิจการต่างๆกวดขันมาตรการเหล่านี้ โรงงานให้ความร่วมมือ โดยภาพรวมพฤติกรรมการป้องกันตนเองยังใช้ได้แต่ก็สามารถทำได้มากขึ้น  ทำให้เบาใจว่าการระบาดระลอกใหม่ไม่น่าจะรุนแรงกว่าเดิม 

ปัจจัยด้านระบบสังคมสิ่งแวดล้อม  ประสบการณ์จากการระบาดรอบแรกทำให้วงการแพทย์และวงการสาธารณสุขเพิ่มความพร้อมทั้งในด้านสถานที่ เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ ห้องปฎิบัติการ แนวทางการดูแลรักษา และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและคณะแพทย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ  แต่ที่สำคัญสุดคือสังคมส่วนรวมและทุกกลไกของรัฐให้ความสำคัญและสนับสนุนการควบคุมโรค ( Whole government and whole society response)  อย่างสุดตัว   นับเป็นสาเหตุสำคัญที่ประเทศไทยควบคุมการระบาดได้ดี  หากเรายังรักษาความเป็นหนี่งเดียวกันได้  การระบาดระลอกสองจะไม่รุนแรงเหมือนรอบแรก

 

5. การเปิดประเทศจะทำให้เกิดการระบาดใหญ่หรือไม่

            แม้จะพยายามกระตุ้นให้คนไทยลงทุน จับจ่ายใช้สอย ท่องเที่ยว เพื่อให้วงล้อเศรษฐกิจเริ่มหมุน แต่ลำพังการใช้จ่ายของคนไทยที่พอมีกำลังซื้อคงไม่พอที่จะสร้างงานและฉุดให้ประเทศไทยหลุดออกจากวิกฤตเศรษฐกิจ  ทั้งนี้เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศไทยต้องพี่งการลงทุนจากต่างประเทศและการท่องเที่ยวโดยชาวต่างประเทศในอัตราที่สูง  เราจึงต้องยอมรับว่าไม่สามารถปิดประเทศในลักษณะนี้ต่อไปเรื่อยๆ เป็นปีจนกระทั่งสถานการณ์โควิดสงบลงทั่วโลกหรือรอจนมียาหรือวัคซีนที่ลดการติดเชื้อ   หนทางที่ควรทำคือการวางแผนเปิดประเทศอย่างปลอดภัยเหมือนที่เราทำสำเร็จมาแล้วในเรื่องการเปิดเมืองปลอดภัย  

ขณะนี้ภาคธุรกิจและภาคการท่องเที่ยวได้ยกร่างมาตรการที่สามารถลดความเสี่ยงลงได้  เช่นการเริ่มรับนักธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญที่มาอยู่ระยะยาว นักศึกษาขาวต่างชาติที่มาเรียนเป็นปี  ตามด้วยการท่องเที่ยวที่จำกัดจำนวนคนและเน้นนักท่องเที่ยวคุณภาพ ทำความตกลงกับประเทศคู่เจรจา มีการตรวจการติดเชื้อที่ประเทศต้นทางสามวันก่อนเดินทาง  มีการประกันสุขภาพ   ตรวจการติดเชื้อเมื่อเดินทางมาถึง   การเข้าระบบกักตัวระยะสั้นหรือระยะยาวตามระดับความเสี่ยงของแต่ละประเทศต้นทาง การมีระบบติดตามการเดินทาง การควบคุมกำกับให้ปฎิบัติตัวในเรื่องการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา  และการงดเว้นการท่องเที่ยวสถานบันเทิง ฯลฯ  วิธีการเหล่านี้สามารถสร้างความปลอดภัยได้  รัฐบาลควรตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างภาคการค้า  ภาครัฐ และนักวิชาการ เพื่อออกแบบให้มีความเสี่ยงต่ำสุด  ซึ่งจะเป็นหลักประกันว่าจะไม่เกิดการระบาดใหญ่

            นักวิชาการของกรมควบคุมโรคและนักวิจัยจากมหิดล  ได้ทำการจำลองสถานการณ์และพบว่าหากมีกรณีที่ผู้ติดเชื้อหลุดลอดผ่านการเฝ้าระวังเข้ามาวันละหนึ่งถึงสองราย  ด้วยมาตรการที่มีอยู่จะไม่เกิดปัญหาเกินความสามารถที่จะรองรับได้

 

6. เป้าหมายการรับมือการระบาดระลอกต่างๆที่จะตามมา

            การยอมรับความจริงและเตรียมตัวของประชาชนทั้งประเทศ และการมีเอกภาพในการควบคุมการระบาดจะช่วยให้ผลกระทบของรอบสองไม่รุนแรงเหมือนรอบแรก  เริ่มด้วยเอกภาพในการกำหนดเป้าหมายยุทธศาสตร์ที่มิได้เน้นให้ผู้ติดเชื้อในประเทศเป็นศูนย์หรือไม่มีการติดเชื้อในประเทศเลย  แต่เน้นควบคุมให้มีการติดเชื้อในระดับต่ำที่มีผลกระทบน้อย ( Low transmission and low damage)  การติดเชื้อในระดับต่ำอาจมีตัวชี้วัดสองตัวคือ  จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ไม่เกินกี่คนต่อประชากรหนึ่งล้านคนต่อสัปดาห์  และจำนวนเตียงดูแลผู้ป่วยโควิดที่อาการรุนแรง/วิกฤต ที่ยังว่างอยู่     ขณะนี้กำลังมีการกำหนดเป้าหมายนี้เป็นรายจังหวัดเพื่อจัดระดับสถานการณ์และเป็นสัญญาณให้ปรับเพิ่มมาตรการ  เช่นให้ทำงานที่บ้านเพิ่มขึ้น  งดกิจกรรมที่รวมผู้คน ฯลฯ  ทั้งนี้  ภายใต้การตัดสินของคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดที่มีการปรึกษาหารือกับส่วนกลางเพื่อกำหนดมาตรการตามหลักวิชา  

 

7. การจัดระดับความรุนแรงของการระบาดในระลอกที่สอง

            สามารถคาดคะเนสถานการณ์การระบาดในประเทศไทยเป็นสี่ระดับ  โดยเป็นการจัดระดับรายจังหวัดไม่ควรเป็นภาพรวมทั้งประเทศ

            ระดับที่หนึ่งคือ  ในปัจจุบันที่มีแต่ผู้ติดเชื้อจากภายนอกประเทศ  ขณะนี้ทุกจังหวัดอยู่ในระดับหนึ่ง 

            ระดับที่สอง   มีการติดเชื้อในพื้นที่ประปราย อยู่ในวงจำกัด  สามารถติดตามผู้ป่วยและผู้สัมผัสได้ทุกราย  ถือเป็นการแพร่เชื้อในระดับต่ำที่จัดการได้  ในอนาคตอาจมีบางจังหวัดที่เข้าระดับหนึ่ง  โดยเฉพาะจังหวัดศูนย์กลางการคมนาคม ค้าขาย ท่องเที่ยว

ระดับที่สาม   มีการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนและขยายตัวแต่ควบคุมได้ ที่ต้องระวังคือ  Superspreading events  คือการที่มีคนติดเชื้อจำนวนหนึ่งไปแพร่เชื้อในสถานที่ซึ่งเอื้อต่อการกระจายเชื้อและมีคนจำนวนมากอยู่ด้วยกัน   เช่นในสถานบันเทิง  หรือสนามมวยที่เราพบในรอบแรก หรือในหอพักแรงงานต่างชาติ  หรือในเรือนจำที่คุมขัง ฯลฯ  เหตุการณ์นี้จะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เกิดการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว  ประเทศไทยจึงต้องให้ความสำคัญกับการควบคุม Super spreading event  โดยทีมเฝ้าระวังสอบสวนโรคทุกจังหวัดต้องสามารถสืบหาต้นตอ  ทำการปิดกิจการหรือกิจกรรมเฉพาะที่หรือใกล้เคียง  และควบคุมทุกอย่างให้ได้ภายในสองสัปดาห์  และมีสถานที่สำหรับรองรับการแยกกักผู้สัมผัสเป็นกลุ่มย่อยๆไม่ใช่กลุ่มใหญ่ๆ  จังหวัดที่มีความเสี่ยงต้องเตรียมการให้พร้อมที่จะรองรับเหตุการณ์แบบนี้ที่อาจพบการติดเชื้อวันละหลายสิบราย

            ระดับที่สี่        จำนวนติดเชื้อวิกฤติเกินกว่าที่ระบบสาธารณสุขจะรองรับได้  เนื่องจากไม่สามารถควบคุมหรือสืบทราบได้ว่าจำนวนการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นมาจากที่ใดหรือการติดเชื้อกระจายวงกว้างจนสอบสวนและทำการติดตามผู้สัมผัสไม่ทัน  อาจจำเป็นต้องทำการล๊อคดาวน์แต่ก็ควรเป็นเฉพาะพื้นที่อำเภอ   เช่นที่เกิดขึ้นที่ภูเก็ต  ไม่มีความจำเป็นต้องทำทั้งประเทศ

            คาดว่าการระบาดในระลอกที่สองน่าจะเป็นเพียงระดับสองหรืออย่างมากระดับสาม  และเป็นเพียงบางจังหวัด 

 

8.  ปัจจัยสำคัญที่จะควบคุมให้อยู่ในระดับการแพร่เชื้อต่ำ

             8.1 ประชาชนต้องคงมาตรการส่วนบุคคลอันได้แก่  การสวมหน้ากากผ้า/อนามัยในที่สาธารณะ การล้างมือ  การมีระยะห่าง   การไม่รวมตัวกันจำนวนมากทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด  ซึ่งมั่นใจว่าเราจะทำเรื่องนี้ได้ดีต่อไป เมื่อสถานการณ์ขยับขึ้นก็ต้องเพิ่มความเข้มขึ้นตามไป

            8.2 การควบคุมโรคขั้นพื้นฐาน ได้แก่การตรวจพบผู้ติดเชื้ออย่างรวดเร็วและนำมาแยกรักษา  การเพิ่มจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยรุนแรงให้เพียงพอ รวมถึงมีหอพักผู้ป่วยโควิดที่อาการไม่มาก ( Hospitel)  การค้นหาผู้สัมผัสใกล้ชิดและแยกกักเฝ้าดูอาการ ( local and state quarantine)   จะต้องคงความเข้มข้นโดยเฉพาะในจังหวัดที่มีป้จจัยเกื้อหนุนการระบาด

            8.3  ปิดกิจกรรมและกิจการที่จำเพาะไม่เหวี่ยงแห   หากเกิดการระบาดเป็นกลุ่มก้อนและจำเป็นต้องปิดกิจกรรมหรือกิจการหรือสถานที่หรือการรวมตัว  ควรให้จำเพาะที่เกี่ยวข้องโดยตรงหรือมีความเสี่ยงที่ปรากฏชัด  ยกเว้นบางกิจการที่อาจต้องทำอย่างกว้างขวาง เมื่อมีการระบาดระดับสามในจังหวัดใดอาจมีความจำเป็นต้องปิดสถานบันเทิงทั้งหมด หรืองดการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อลดการแพร่ระบาด  และลดปัญหาการบาดเจ็บบนท้องถนนที่ทำให้ต้องมีผู้ป่วยไปห้องฉุกเฉินและใช้เตียงผู้ป่วยวิกฤติเพิ่มขึ้น ( มีข้อมูลว่าภายหลังผ่อนปรนให้สถานบันเทิงเปิดได้ภายใต้เงื่อนไขต่างๆ  มีเพียงครี่งเดียวของสถานบันเทิงที่ปฎิบัติตามได้อย่างดี)  

            8.4 การล๊อคดาวน์หรือกึ่งล๊อคดาวน์ที่ทำในการระบาดรอบแรก   จะกระทำก็ต่อเมื่อไม่สามารถควบคุมได้ด้วยวิธีที่หนึ่งถึงสามตามที่กล่าวมา   มาตรการนี้ควรจำกัดวงให้เล็กที่สุดไม่ครอบคลุมทุกจังหวัดหรือทุกพื้นที่เหมือนที่ผ่านมา  เพราะเป็นมาตรการที่กระทบรุนแรง   

            8.5 ต้องมีกลไกในการซักซ้อมการควบคุมการระบาดเพื่อให้เกิดการดำเนินการที่เหมาะสมพอดีมีเหตุผล  จากเหตุการณ์ที่พบผู้ติดเชื้อในทหารอียิปต์ที่แวะมาพักที่ระยองเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม  ทำให้เห็นว่าเรายังมีจุดอ่อนในเรื่องการใช้มาตรการที่เกินความจำเป็นและสร้างความเสียหาย เช่น  การปิดโรงเรียนหลายร้อยแห่ง  การตีคลุมว่าจังหวัดระยองเป็นแหล่งแพร่โรค  ใครไประยองมาถือเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยง

 

โดยสรุป

            มีโอกาสมากที่จะเกิดการระบาดระลอกสองในประเทศไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ควรยอมรับว่าไม่สามารถทำให้ประเทศไทยปลอดการติดเชื้อและคงตัวเลขศูนย์ได้ตลอดไป  เพราะถ้าตั้งเป้าแบบนั้นเราต้องปิดประเทศปิดพรมแดนตลอด  ถึงแม้จะปิดก็ยังมีโอกาสหลุดรอดเข้ามา แต่เราสามารถควบคุมให้การแพร่เชื้ออยู่ในระดับต่ำ (low transmission) และมีผลเสียหายน้อย ( Low damage)  สามารถเปิดประเทศอย่างปลอดภัยเหมือนที่ช่วยกันเปิดเมืองอย่างปลอดภัยสำเร็จมาแล้ว   ด้วยการคงมาตรการที่ดีไว้และละเว้นมาตรการทีเกินความจำเป็น  มีการจัดระดับสถานการณ์และเตือนให้สังคมรับรู้ว่าต้องทำอะไรเพิ่มหรือต้องไม่ทำอะไร สิ่งเหล่านี้เกิดได้จากการทำให้ประชาชนทั้งหมดและทุกส่วนราชการมีเป้าหมายและข้าใจตรงกัน  ร่วมมือกันเพื่อรับมืออย่างเป็นเอกภาพ  ซี่งเชื่อว่าทำได้อย่างแน่นอนและประเทศไทยจะสามารถรับมือกับการระบาดระลอกสองหรือระลอกอื่นๆได้อย่างสมดุลย์ทั้งมิติด้านสุขภาพ สังคม เศรษฐกิจ และการพัฒนาประเทศ