ระวัง! สวมหน้ากากอนามัย-หน้ากากผ้าขณะวิ่งออกกำลังกาย เสี่ยงขาดออกซิเจน

กรมอนามัยเตือนนักวิ่ง สวนสาธารณะอย่าสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าระหว่างวิ่ง อาจทำให้ขาดออกซิเจนได้ ขณะที่บางวิ่งถ่มน้ำลาย อย่าทำ!!

วันที่ 5 พ.ค. พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า หลังจากมาตรการผ่อนปรน ในส่วนสวนสาธารณะ ลานพื้นที่กิจกรรมสาธารณะ สถานที่ออกกำลังกาย สนามกีฬาและ ลานกีฬา มีประชาชนมาออกกำลังกายกันเป็นจำนวนมาก ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของหน่วยงานที่รับผิดชอบหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยต้องคุมเข้มตั้งแต่จัดให้มีจุดคัดกรองพนักงานดูแล และผู้มาใช้บริการ ด้วยการสังเกตและสอบถามอาการในเบื้องต้น หรือใช้เครื่องวัดอุณหภูมิร่างกาย หากพบว่ามีไข้หรือมีอุณหภูมิร่างกายมากกว่าหรือเท่ากับ 37.5 องศาเซลเซียส หรือมีอาการป่วย เช่น ไอ จาม มีน้ำมูก หรือเหนื่อยหอบ ต้องงดให้บริการและแนะนำให้ไปพบแพทย์ทันที ส่วนผู้ดูแลหรือผู้ปฏิบัติงานในสวนสาธารณะต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ให้บริการ และให้ผู้มาใช้บริการทุกคนสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยเมื่อมีการพูดคุยกับพนักงานหรือผู้ปฏิบัติงานในสวนสาธารณะ พร้อมทั้งจัดให้มีจุดล้างมือพร้อมสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ ในบริเวณที่มีการทำกิจกรรมอย่างทั่วถึง

“ ในส่วนของสวนสาธารณะ มีข้อสังเกตว่า 1. นักวิ่งบางคนมีการถ่มน้ำลายควรแนะนำไม่ให้ทำ 2.จุดพักที่มีบริการน้ำดื่มหรือขายน้ำไม่มีระยะห่าง ควรจัดระยะห่าง 3.คนรู้จักกันวิ่งเป็นกลุ่มที่ไม่ใช่ครอบครัว ควรเว้นระยะห่าง และ4. เมื่อหยุดออกกำลังกายมาจับกลุ่มคุยกัน ก็ต้องกลับมาที่มาตรการเว้นระยะห่างอีกเช่นกัน นอกจากนี้ ยังพบว่าประชาชนที่วิ่งออกกำลังกาย หลายคนสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าขณะวิ่ง ข้อเท็จจริง คือ ขณะวิ่ง ไม่ควรสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย เนื่องจากเวลาออกกำลังกาย ร่างกายจะต้องการออกซิเจนมากยิ่งขึ้น สังเกตได้จากการหายใจเร็วขึ้น การสวมใส่หน้ากากผ้าหรืออนามัยจะทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ” พญ.พรรณพิมล กล่าว

อธิบดีกรมอนามัย กล่าวอีกว่า โดยเฉพาะหน้ากาก N95 ที่ป้องกันอนุภาคขนาดเล็กได้มากกว่าหน้ากากอนามัย ก็จะยิ่งทำให้คาร์บอนไดออกไซด์ ที่ออกมาจากร่างกายสะสมอยู่ในหน้ากาก มีโอกาสที่จะหายใจไม่ทันได้ ดังนั้น นักวิ่งทุกคนจึงควรจะเพิ่มระยะห่างในการวิ่งตามกันให้มากขึ้นเท่าที่จะทำได้ เพราะยิ่งห่างกันเท่ากับโอกาสในการติดเชื้อก็ยิ่งน้อยลงด้วย และที่สำคัญอย่าไปสัมผัสกับพื้นผิวสัมผัสในที่สาธารณะต่าง ๆ โดยไม่จำเป็น ส่วนผู้ที่เดินออกกำลังกายให้หลีกเลี่ยงการพูดคุยระยะใกล้ชิด ไม่ใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา ปาก จมูก โดยไม่จำเป็น และหลังออกกำลังกายให้ล้างมือด้วยสบู่และน้ำหรือเจลแอลกอฮอล์บ่อย ๆ นอกจากนี้เมื่อกลับถึงบ้านให้เปลี่ยนเสื้อผ้าและอาบน้ำทันที

พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า สถานที่สวนสาธารณะนั้น ให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทำความสะอาดบริเวณพื้นที่ทางเดิน ออกกำลังกาย พื้นถนน ประตู สวน เก้าอี้ ม้านั่ง จุดให้บริการน้ำดื่ม โดยเฉพาะก๊อกน้ำดื่ม อุปกรณ์และอื่น ๆ ที่มีการใช้ร่วมกันภายในสวนสาธารณะเป็นประจำทุกวันก่อนและหลังเปิดสวนสาธารณะ ด้วยน้ำยาทำความสะอาด วันละ 2 ครั้ง โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นจุดสัมผัสหรือที่ใช้ร่วมกัน หากมีผู้ใช้บริการมากให้เพิ่มความถี่ทำความสะอาด อย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง จัดระยะห่างระหว่างเก้าอี้นั่งในบริเวณสวนสาธารณะให้มีระยะห่างกัน 1-2 เมตร และ จัดให้มีถังขยะสภาพดีที่มีฝาปิด สำหรับทิ้งขยะ และให้รวบรวมขยะออกจากสวนสาธารณะทุกวันเพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกต้องต่อไป สำหรับห้องส้วมให้หมั่นทำความสะอาดอย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง หรือหลังผู้ใช้บริการเข้าใช้บริการด้วยน้ำยาทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคด้วยสารฆ่าเชื้อโรคบริเวณจุดที่มีการใช้ร่วมกัน ได้แก่ กลอนหรือลูกบิดประตู ก๊อกน้ำ อ่างล้างมือ ที่รองนั่งโถ เป็นต้น เพื่อสร้างสุขอนามัยที่ดี พร้อมทั้งขอความร่วมมือประชาชน ที่ใช้บริการปฏิบัติตามมาตรการของสวนสาธารณะอย่างเคร่งครัดด้วย