ศบค.แจง ไทยมียอดการตรวจหาเชื้อโควิด-19 สะสมรวม 71,860 ราย และยังคงพยายามหาวิธีการตรวจให้ได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ปัจจุบันอยู่ที่วันละประมาณ 20,000 ราย แบ่งเป็นในกรุงเทพ-ปริมณฑล 10,000 ราย และต่างจังหวัด 10,000 ราย
วันนี้ (7 เม.ย. 2563) เวลา 11.30 น. ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ตอบคำถามสื่อมวลชนผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ ในประเด็นข้อสงสัยจำนวนผู้ป่วยที่มีการรายงานลดลง เกิดจากการตรวจที่ลดลงหรือประสิทธิภาพในการตรวจลดลงหรือไม่นั้นว่า จากการประชุมกับผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ ผู้บริหารที่กระทรวงสาธารณสุขเช้าวันนี้ ได้มีการวิเคราะห์ถึงจำนวนตัวเลขยอดผู้ป่วย ปัจจุบันมียอดการตรวจสะสมรวม 71,860 ราย และยังคงพยายามหาวิธีการตรวจให้ได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยความสามารถในการตรวจทั่วประเทศรายวันอยู่ที่ประมาณ 20,000 ราย แบ่งเป็นในกรุงเทพฯและปริมณฑล 10,000 ราย และต่างจังหวัด 10,000 ราย
ทั้งนี้ยังจะต้องหาทางแก้ไขข้อจำกัดในการตรวจที่มีอยู่ เพราะการยิ่งตรวจมากอาจจะพบผู้ป่วยติดเชื้อมากขึ้น จึงต้องมีการเตรียมเตียงผู้ป่วยให้พร้อมในระดับต่างๆ ตั้งแต่อาการน้อยไปอาการรุนแรง เครื่องช่วยหายใจต้องเพียงพอ
ส่วนสาเหตุที่พบผู้ป่วย 38 ราย มีคำอธิบายว่าดีขึ้นเพราะ
1. การประกาศภาวะฉุกเฉินและเคอร์ฟิว ทำให้พบปะกันน้อยลง
2. การควบคุมภายในแต่ละจังหวัด จากคำสั่งและการประกาศของจังหวัด ประชาชนรู้เข้าใจสถานการณ์ให้ความร่วมมือป้องกันและเว้นระยะห่างทางสังคม
3. กลุ่มเสี่ยงมีสถานที่รองรับที่ชัดเจน อยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ ซึ่งมาตรการต่าง ๆ นี้ต้องทำกันอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง ต้องตรึงให้ได้ตลอดยืนระยะให้ยาว ๆ เพราะยังมีคนที่อาจเป็นพาหะอยู่
โฆษก ศบค. ยังตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับอาคารรับรองสัตหีบที่มีการจัดพักห้องๆ ละ 3 คน ดูไม่สอดคล้องกับมาตรการของรัฐว่า ผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศและต้องถูกกักตัวนั้นถือเป็นกลุ่มเสี่ยงแม้ร่างกายยังแข็งแรงดี ที่ดีที่สุดคือ 1 คนต่อ 1 ห้อง แต่เนื่องจากสถานที่มีไม่เพียงพอ ประกอบกับการกักตัวกลุ่มเสี่ยงจำเป็นต้องใช้แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ ผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวนมากในการดูแลอำนวยความสะดวก จึงต้องคิดคำนวณตามความเหมาะสม ต้องยอมรับว่ามีข้อจำกัดขอให้ทุกคนรับฟังและอดทน
กรณีผู้โดยสารตกค้างจากการ Transit ให้ติดต่อเพื่อรายงานตัวกับสถานเอกอัครราชทูตเพื่อแสดงตน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะดูแลเป็นอย่างดี กรณียังคงมีชาวไทยส่วนหนึ่งที่ยังไม่สามารถเดินทางกลับจากอินโดนีเซีย เนื่องจากการคัดกรองต้นทางพบว่า ผู้โดยสารมีอาการที่อาจจะเป็นความเสี่ยง เพื่อความปลอดภัยของตนเองและผู้ที่ต้องร่วมเดินทางด้วยจึงต้องให้พักรักษาตัวที่อินโดนีเซียให้หายเสียก่อนจึงจะสามารถกลับประเทศได้ เป็นมาตรฐานที่ปฏิบัติทั่วโลก
- 8 views