กระทรวงสาธารณสุข คลอดประกาศ 2 ฉบับ  สถานพยาบาลเอกชนทั่วไทยป้องการระบาดของโรคโควิด 19 ชี้ผู้ป่วยโควิด 19 ถือเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินต้องให้การดูแลอย่างเต็มความสามารถ ห้ามปฏิเสธการรักษา หรือปล่อยให้เดินทางไปรักษาต่อด้วยตนเอง พบการฝ่าฝืนเตรียมลงดาบทันทีไม่มีเว้น

 

กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ หลังจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) ออกประกาศประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสามารถตรวจหาเชื้อโควิด 19 ได้ที่รพ.รัฐและเอกชนทุกแห่ง (ข่าวเกี่ยวข้อง : เปิดข้อมูลกลุ่มเสี่ยงไหน ตรวจโควิด19 ฟรี! ได้ทั้ง รพ.รัฐและเอกชนทุกแห่ง) โดยเมื่อวันที่ 8 เม.ย.2564 ที่ผ่านมา โรงพยาบาลเอกชนจำนวนหนึ่งประชาสัมพันธ์ของดการตรวจโควิด จนกลายเป็นที่สงสัยว่า เป็นเพราะค่าตรวจ หรือเป็นเพราะกังวลว่า หากพบเชื้อต้องรักษาและรพ.อาจมีจำนวนเตียงไม่เพียงพอ เนื่องจากมีประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ 

สำหรับประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ประกอบด้วยประกาศ 2 ฉบับ ตามที่ Hfocus มีการนำเสนอไปก่อนหน้านี้ 

......................................

 

เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2563 นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) เป็นโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสถานพยาบาลเอกชน ในการช่วยเหลือเยียวยาผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 กระทรวงสาธารณสุข โดย กรม สบส.จึงจัดทำประกาศกระทรวงสาธารณสุข 2 ฉบับขึ้น โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ได้แก่

1.ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณี โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) ซึ่งกำหนดให้ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 จะต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยฉุกเฉินจากสถานพยาบาลตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541ผู้รับอนุญาตและผู้ดำเนินการของสถานพยาบาลต้องควบคุมและดูแลให้มีการช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วยเพื่อให้พ้นจากอันตรายตามมาตรฐานวิชาชีพและตามประเภทของสถานพยาบาลนั้น ๆ ห้ามปล่อยปละละเลย ปฏิเสธการรักษา และหากมีความจำเป็นต้องส่งต่อหรือผู้ป่วยมีความประสงค์จะไปรับการรักษาพยาบาลที่สถานพยาบาลอื่นจะต้องจัดการให้มีการจัดส่งต่อไปยังสถานพยาบาลอื่นตามความเหมาะสม ห้ามมิให้ผู้ป่วยเดินทางไปรับการรักษาต่อด้วยตนเอง และ

2.ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณี โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) การระดมทรัพยากรและมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเยียวยาและการจัดให้มีการส่งต่อผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลอื่น ซึ่งกำหนดให้ผู้รับอนุญาตและผู้ดำเนินการของสถานพยาบาลต้องจัดให้มีหน่วยคัดกรองผู้รับบริการ ซึ่งหากคัดกรองแล้วพบอาการเข้าเกณฑ์การเฝ้าระวังผู้ป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 จะต้องจัดให้ผู้ป่วยสวมหน้ากากอนามัย และดำเนินการใด ๆ เพื่อควบคุม ระงับ หรือบรรเทาอันตราย พร้อมแจ้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ หากเป็นสถานพยาบาลประเภทที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน (โรงพยาบาล) จะต้องจัดให้มีการเก็บตัวอย่างส่งตรวจจากผู้ป่วยและส่งไปยังห้องปฏิบัติการตามที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด แต่หากเป็นสถานพยาบาลประเภทที่ไม่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน (คลินิก)จะต้องแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการส่งต่อผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลอื่นที่มีศักยภาพโดยทันที

ทั้งนี้ หากสถานพยาบาลใดฝ่าฝืน ปล่อยปละละเลย ปฏิเสธการรักษา หรือปล่อยให้ผู้ป่วย/ผู้ที่มีอาการเข้าเกณฑ์การเฝ้าระวังผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 เดินทางไปรักษาต่อ ณ สถานพยาบาลอื่นด้วยตนเอง จะถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ และพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 กรม สบส.จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อให้สถานพยาบาลได้เข้ามามีส่วนร่วมในการรับมือกับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

(ข่าวเกี่ยวข้อง : สธ.ย้ำเตียงรองรับผู้ป่วยโควิดเพียงพอ! ชี้ รพ.เอกชนส่งต่อคนไข้ในเครือข่ายได้)