เปิดงานวิจัยใหม่ สหรัฐอเมริกาพบอันตรายในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าทุกชนิด หมอประกิต เตือนหยุดสูบจนกว่าจะพิสูจน์ชัด ชี้ สูบแค่ 2-3 ปี เสี่ยงปอดอักเสบรุนแรง ถึงตาย
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เปิดเผยว่า จากรายงานล่าสุดของศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐอเมริกา (CDC) ซึ่งเก็บข้อมูลเรื่องผู้ป่วยด้วยอาการปอดอักเสบรุนแรง พบว่า มีผู้ป่วย 1,080 ราย ที่สรุปได้ว่าน่าจะป่วยจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า ในจำนวนนี้ มี 18 รายที่เสียชีวิต โดยอายุเฉลี่ยของผู้ป่วยอายุ 23 ปี และอายุของคนที่ตายเฉลี่ยเกือบ 50 ปี ทั้งนี้ 78 % ของผู้ป่วย มีการสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่ผสมน้ำมันสกัดกัญชาด้วย ทำให้สงสัยว่าการผสมสารสกัดกัญชาจะเป็นสาเหตุหนึ่ง แต่ CDC ก็ไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นสาเหตุเดียว เนื่องจากยังมีหลายรายที่ไม่ได้ใช้น้ำมันสกัดกัญชา และมีความหลากหลายของยี่ห้อบุหรี่ไฟฟ้าที่ผู้ป่วยแต่ละคนใช้
“อัตราการป่วยดังกล่าว ทำให้อยากเรียกร้องให้คนไทยหยุดสูบบุหรี่ไฟฟ้า จนกว่าจะหาสาเหตุที่แท้จริงได้ว่า การเจ็บป่วยด้วยโรคปอดอักเสบรุนแรง และถึงขั้นเสียชีวิตนั้น เกิดจากสาเหตุใด โดยพบว่าในรายงานดังกล่าวของสหรัฐฯ จากการตรวจน้ำล้างปอดในผู้ป่วยปอดอักเสบรุนแรง พบว่าเซลล์เม็ดเลือดขาวที่อยู่ในปอดที่ทำหน้าที่ดักจับสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในปอด เช่น เชื้อโรค ฝุ่นละออง หรือสิ่งแปลกปลอมอื่น พบไขมันอยู่ในเซลล์เป็นจำนวนมาก รวมทั้งมีการอักเสบรุนแรงซึ่งทำให้เม็ดเลือดขาวเหล่านี้ไม่สามารถทำหน้าที่ตามปกติ ทำให้ภูมิต้านทานของปอดลดลง ทำให้เกิดปอดอักเสบได้ง่ายและรุนแรง ทั้งที่ไม่มีเชื้อโรคเข้ามาเกี่ยวข้อง” ศ.นพ.ประกิต กล่าว
ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า ข้อมูลที่น่าสนใจคือ ไขมันที่สงสัยว่าเป็นตัวการที่ทำให้เกิดโรคปอดอักเสบรุนแรงในคนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ได้มีแหล่งที่มาจากน้ำมันสกัดจากสารกัญชาเท่านั้น แต่น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าทุกชนิด ต้องใช้น้ำมันสกัดจากพืช VG Vegetative glycerine ที่สกัดจาก ถั่วเหลือง มะพร้าว หรือปาล์ม และ PG Propylene glycol เป็นสารละลายเพื่อทำให้น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าเกิดเป็นละอองไอเมื่อถูกความร้อนจากขดลวดอุปกรณ์สูบบุหรี่ไฟฟ้า หากผลการตรวจสอบวิเคราะห์ สรุปว่า น้ำมันพืชที่ใช้เป็นตัวทำลายในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าเป็นตัวการสำคัญ ทุกคนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าจะเสี่ยงที่จะป่วยด้วยโรคปอดอักเสบรุนแรงได้ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีการเติมสารอื่นในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าที่ซื้อมา โดยการเติมน้ำมันสกัดจากกัญชาหรือสารอื่นเป็นเพียงตัวเร่งให้เกิดโรคเร็วขึ้น ซึ่งปฏิกิริยาอักเสบรุนแรงของเนื้อปอด ยังสรุปไม่ได้ว่าเกิดจากสารเคมีใด เนื่องจากมีการเติมสารเคมีหลายชนิดในกระบวนการเตรียมน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะสารเคมีที่ใช้ปรุงแต่งกลิ่นรสมีนับร้อยชนิด
ศ.นพ.ประกิต กล่าวอีกว่า ข้อค้นพบใหม่ที่สำคัญนี้ทำให้ข้ออ้างที่ว่า บุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดา ยิ่งมีน้ำหนักน้อยลง โดยพบว่า อาการปอดอักเสบรุนแรงที่เกิดในคนสูบบุหรี่ไฟฟ้า แตกต่างจากโรคปอดที่เกิดจากการสูบบุหรี่ยาเส้น หรือบุหรี่แบบมวน อย่างโรค ถุงลมปอดโป่งพอง มะเร็งปอด วัณโรค หรือปอดอักเสบจากการติดเชื้อโรคอื่นๆ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในคนที่สูบบุหรี่มานานนับสิบปีขึ้นไป โดยปอดอักเสบจากบุหรี่ไฟฟ้า จะเกิดในผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพียง 2-3 ปี เกิดขึ้นในคนอายุน้อย แข็งแรง แต่จู่ๆ ก็ป่วยอย่างรวดเร็ว และเกิดการอักเสบขึ้นทั่วปอด จนปอดไม่สามารถรับออกซิเจนได้ตามปกติ ทำให้หายใจเร็ว เหนื่อยหอบ และปอดล้มเหลว
“ในรายที่ป่วยด้วยปอดอักเสบหลังจากสูบบุหรี่ไฟฟ้า เมื่อเข้าสู่ภาวะปอดล้มเหลว ถ้าไม่เข้าไอซียูและใช้เครื่องช่วยหายใจ ก็จะเหนื่อยหอบจนเสียชีวิต และในรายที่รอดมาได้ หลังจากการใช้เครื่องช่วยหายใจเป็นอาทิตย์ ก็ไม่สามารถทำให้ปอดกลับคืนสู่สภาพปกติ โดยพบว่ามีวัยรุ่นอายุ 18 ปี ที่รอดตายจากปอดอักเสบรุนแรงจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า แต่แพทย์ระบุว่า ปอดของผู้ป่วยรายนี้ได้รับความเสียหาย จนสภาพปอดเหมือนคนที่มีอายุ 70 ปี” ศ.นพ.ประกิต กล่าว
ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า สำหรับความเคลื่อนไหวในสหรัฐฯ พบว่า ศ.สแตนตัน กล๊านซ์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยซานฟรานซิสโก เรียกร้องให้องค์การอาหารและยา อเมริกา ให้เรียกคืนใบอนุญาตขายบุหรี่ไฟฟ้าไฮบริด IQOS เนื่องพบว่า ควันบุหรี่ IQOS มีสารสกัดน้ำมันพืช ทั้ง PG และ VG ในระดับที่สูงกว่าบุหรี่ธรรมดามากเช่นเดียวกัน เพื่อป้องกันโรคระบาดปอดอักเสบรุนแรงในคนที่จะใช้บุหรี่ IQOS ที่ผู้ผลิตกำลังจะเปิดตัวขายในอเมริกาในเร็วๆ นี้ สำหรับในเมืองไทย ขณะนี้มีคนจำนวนมาก โดยเฉพาะวัยรุ่น ที่เข้าใจผิดว่าบุหรี่ไฟฟ้า ไม่มีอันตราย หรือมีอันตรายน้อย จึงขอเตือนให้เลิกสูบบุหรี่ไฟฟ้าทุกชนิดทันที เพราะความเสียหายเกิดขึ้นกับปอดและระบบไหลเวียนโลหิตทุกครั้งที่คุณสูบบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงควรเลิกสูบบุหรี่ธรรมดาด้วยเช่นกัน
- 2063 views