มูลนิธิชีววิถีประกาศหลังรัฐมนตรี สธ. สนับสนุนการแบนสารพิษกำจัดศัตรูพืช 3 ชนิด หากทำได้เป็นผลงานสำคัญของพรรคภูมิใจไทย ที่กล้าหาญปกป้องสุขภาพของเกษตรกรรายย่อย และปชช.ส่วนใหญ่ หลังจากรัฐบาลก่อนหน้าล้มเหลว
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2563 เฟซบุ๊กแฟนเพจ BIOTHAI หรือมูลนิธิชีววิถี(ไบโอไทย)โพสต์ถึงกรณีการแบนสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่อันตราย ว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแถลงสนับสนุนการแบนสารพิษกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง 3 ชนิด ได้แก่พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต ตอกย้ำคำให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ ของนายมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่กำกับดูแลกรมวิชาการเกษตร ที่กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าต้องการแบนสารพิษความเสี่ยงสูงโดยเร็วก่อนสิ้นปี 2562 นี้
หากสามารถแบนสารพิษร้ายแรงดังกล่าวได้ นี่จะเป็นผลงานสำคัญของพรรคภูมิใจไทยที่จะทำให้ผู้คนจดจำ ในฐานะกล้าหาญปกป้องสุขภาพของเกษตรกรรายย่อยและประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ จากก่อนหน้านี้รัฐบาลที่ผ่านมาล้มเหลวในการแบนสารพิษดังกล่าว ทั้งๆที่นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาธร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายวิวัฒน์ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรยืนยันต่อรัฐบาลว่าจำเป็นต้องยุติการใช้สารพิษดังกล่าวโดยเร็ว หลังจากคณะทำงานสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง 4 กระทรวงหลักมีมติให้แบนพาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต เมื่อเดือนเมษายน 2560 ที่ผ่านมา
นอกเหนือจากกระทรวงสาธารณสุขและคณะทำงานจาก 4 กระทรวงหลักแล้ว ยังมีหลายหน่วยงานของประเทศ ได้แก่ คณะกรรมการปฎิรูปประเทศ 2 คณะ (ด้านสาธารณสุข และด้านทรัพยากรธรรมชาติและวสิ่งแวดล้อม) ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ สภาเกษตรกรแห่งชาติ สภาเภสัชกรรม นายกแพทยสภา และองค์กรภาคประชาสังคม 700 องค์กร ล้วนมีมติให้มีการแบนสารพิษที่มีความเสี่ยงสูงด้ังกล่าว
หากกระทรวงสาธารณสุขยืนยันเกี่ยวกับการแบนสารพิษที่มีความเสี่ยงสูงดังกล่าว และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยืนยันการแบน ก็เป็นการยากที่จะยับยั้งการแบนสารพิษร้ายแรงได้ เพราะการตัดสินใจในคณะกรรการวัตถุอันตรายที่ผ่านมาลงมติตามข้อเสนอของกระทรวงเกษตรฯเป็นหลัก
ลองดูว่ารัฐมนตรี 2 ท่านนี้จะสามารถฝ่ากระแสต้านการแบนจากการผนึกกำลังของบรรษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่และกลุ่มผู้สนับสนุนสารพิษดังกล่าวได้หรือไม่ เพราะเรื่องนี้ฝ่ายค้าน 7 พรรคก็ได้จัดประชุมร่วมกันและมีมติในการขับเคลื่อนให้มีการยกเลิกสารพิษร้ายแรงดังกล่าวโดยเร็วเช่นกัน
ถ้าหากการแบนสารพิษร้ายแรงครั้งนี้เป็นผลสำเร็จ นี่จะเป็นผลงานทั้งของพรรคฝ่ายรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านด้วยเช่นเดียวกัน
โปรดจับตา นี่เป็นแค่เพียงยกที่ 2 ของการต่อสู้เพื่อขจัดสารพิษร้ายแรงเท่านั้น อิทธิพลของบรรษัทสารพิษที่มีผลประโยชน์ต่อปีหลายหมื่นล้านบาทนั้น รับรองไม่ธรรมดา
ไบโอไทยสนับสนุนทุกฝ่ายที่ผนึกกำลังแบนสารพิษร้ายแรงนี้ และพร้อมจะร่วมบันทึกเหตุการณ์สำคัญนี้สำหรับตัดสินใจว่าผู้ใดที่ยืนอยู่เคียงข้างประชาชนไม่โอนอ่อนตามอิทธิพลของบรรษัทค้าสารพิษ
- 16 views