12 พฤษภาคมของทุกปีคือ วันพยาบาลสากล
ตลอดระยะ 50 ปีที่ผ่านมา มีหลากหลายสิ่งมากมายที่เปลี่ยนแปลงไป เช่นเดียวเองกับอาชีพพยาบาลในประเทศสหัฐอเมริกา ในทศวรรษที่ 1960 พยาบาลมีหน้าที่เพียงเป็นผู้ช่วยของแพทย์ ไม่มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นใด ๆ ทำหน้าที่ตามคำสั่ง ไม่ต่างอะไรกับสาวใช้ แต่ปัจจุบันการจะประกอบอาชีพพยาบาลได้ ไม่ใช่เรื่องที่ใครก็สามารถเข้าถึงได้ทุกคนอีกต่อไป กล่าวคือ จำเป็นต้องรับการศึกษาขั้นสูงกว่าเมื่อ 20 กว่าปีที่ผ่านมา
จากบันทึกของสภาพยาบาลแห่งชาติสหรัฐ (National Council of State Boards of Nursing) ระบุว่า ทศวรรษที่ 1960 มีวิทยาลัยพยาบาลเปิดสอนเพียง 172 วิทยาลัยทั่วประเทศ แต่ตอนนี้กลับมีการสอนในระดับปริญญาตรีมากถึง 674 โปรแกรม
สำนักข่าว Business Insider ระบุว่าการเป็นพยาบาลในสหรัฐฯ จำเป็นต้องมีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีวิทยาศาสตร์ในการพยาบาล (Science in Nursing: BSN) ซึ่งจะช่วยให้พยาบาลสามารถสอบผ่านการสอบพยาบาลระดับชาติอย่าง NCLEX-RN ซึ่งเป็นแบบทดสอบมาตรฐาน และใช้เวลาสอบนานถึง 6 ชั่วโมง
อีกทั้งยังมีการเปิดสาขาวิชาพยาบาลในศาสตร์หรือความเชี่ยวชาญใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการในปัจจุบันและอนาคตต่อจากนี้ เช่น พยาบาลนิติเวช (forensic nursing) หรือ พยาบาลสารสนเทศ (informatics nursing) เป็นต้น
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เมื่อ 30 ปีที่แล้ว หากผู้ป่วยเดินเข้ามาผ่าตัดต้อกระจกที่โรงพยาบาล เขาอาจต้องใช้เวลาพักฟื้นในโรงพยาบาลอย่างน้อย 7 วัน แต่หากผู้ป่วยคนเดิมเดินทางมาผ่าตัดวันนี้เขาจะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ทันทีที่ผ่าตัดเสร็จ
นั่นหมายความว่า พยาบาลจะต้องมีความเชี่ยวชาญมากเพียงพอที่จะให้ความรู้ต่อผู้ป่วยในการดูแลรักษาตัวเอง ส่งผลให้พยาบาลเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญสำหรับกลุ่มสายงานสาธารณสุข ทั้งยังเป็นผู้ส่งเสริมและสร้างการเติบโตให้กับกลุ่มประชากรเบบี้บูมเมอร์ในสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ อาชีพพยาบาลยังไม่ได้ถูกจำกัดให้มีเพียงผู้หญิงอีกต่อไป ทั้งสัดส่วนเพศชายที่เข้ามาทำอาชีพนี้ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งส่วนใหญ่ยังมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ปี 2017 ที่ผ่านมา มีพยาบาลอยู่ในระบบทั้งสิ้น 19% และ 9.1% ในนั้นเป็นเพศชาย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอุตสาหกรรมดังกล่าวได้สร้างความก้าวหน้าในเรื่องเพศและความหลากหลายทางเชื้อชาติ แต่การเลือกปฏิบัตินั้นยังคงมีให้เห็นอยู่
โดยจากการศึกษาของวารสารวิชาการทางการแพทย์ Journal of the American Medical Association ปี 2015 ที่ผ่านมา บทบาทของพยาบาลวิชาชีพกำลังขยายตัวสืบเนื่องจาก Affordable Care Act และเน้นระบบ team-based care delivery มากขึ้น ซึ่งคาดว่าผลลัพธ์เหล่านี้อาจเป็นแรงจูงใจให้นายจ้างพยาบาลและแพทย์ ตรวจสอบโครงสร้างการจ่ายเงินและดำเนินการเพื่อขจัดความไม่เท่าเทียมกัน
ที่มา: THEN AND NOW: Here's how being a nurse has changed in the last 50 years [www.businessinsider.com]
- 840 views