ในภาวะที่ผู้คนในสังคมอยู่กันอย่างเร่งรีบ ท่ามกลางการจราจรที่ติดขัด หากเกิดในสถานการณ์ที่มีผู้ป่วยฉุกเฉินขึ้นมา กว่าจะเรียกรถฉุกเฉินมาถึงที่เกิดเหตุนั้น อาจจะสายเกินแก้ การปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ถูกวิธีจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยการลดอัตราความพิการหรือเสียชีวิตในผู้ป่วยฉุกเฉินได้ และจะเป็นการดีหรือไม่ถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะช่วยกันส่งเสริมให้มีอาสาพยาบาลกันทุกโรงเรียน
ที่โรงเรียนสิริรัตนาธร เขตบางนา สมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และเครือข่าย จัดโครงการฝึกอบรมผู้นำนักเรียนอาสาพยาบาล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเครือข่ายเยาวชนจิตอาสาพยาบาลในสถานศึกษาให้มีความรู้ในการช่วยเหลือตัวเองและผู้อื่นให้ปลอดภัยจากอาการเจ็บป่วยในภาวะฉุกเฉินก่อนนำส่งโรงพยาบาล เช่น ปฐมพยาบาล และประเมินความเสี่ยงอาการเจ็บป่วย ได้อย่างถูกวิธี รวมถึงการประสานหน่วยงานภาครัฐเพื่อขอความช่วยเหลืออย่างมีสติเพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างปลอดภัยทันท่วงที อีกทั้งเป็นการปลูกจิตสำนึกที่ดีให้เยาวชน รู้รัก สามัคคีมีวินัย ช่วยเหลือกันและกันในสังคม
สำหรับกิจกรรมที่เกิดขึ้นภายใน 3 วันที่น้องๆนักเรียนโรงเรียน โรงเรียนสิริรัตนาธรได้เรียนรู้เพื่อที่ก้าวเข้าสู่การเป็นผู้นำอาสาพยาบาลได้นั้น จะต้องเรียนรู้เรื่องของการดูแลตนเองอย่างไรให้ตนเองและคนรอบข้างมีสุขภาพอนามัยที่ดี ,การประเมินความเสี่ยงและอันตรายกับสถานการณ์ต่างๆ พร้อมเรียนรู้ที่จะประสานกับหน่วยงานที่จะแจ้งเหตุได้ เช่น 1669
ส่วนเรื่องการปฐมพยาบาลยังเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผู้นำอาสาพยาบาลจะต้องเรียนรู้ โดยมีการจำลองสถานการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน เช่น สิ่งของติดหรืออุดกั้นของทางเดินหายใจ, อาการชัก, คนเป็นลมหมดสติหรือหยุดหายใจ ซึ่งน้องๆเหล่านี้จะต้องฝึกการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และเรียนรู้ที่จะใช้อุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัวมาเป็นตัวช่วยในการปฐมพยาบาล เช่น การพันผ้าในลักษณะต่างๆ รวมถึงการใช้ยาเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยในเบื้องต้นได้ นอกจากนี้ยังมีการสอนให้น้องๆได้เรียนรู้บทบาทและหน้าที่ของการเป็นจิตอสา
นางอาวรณ์ สายฉลาด
นางอาวรณ์ สายฉลาด ครูชำนาญการพิเศษ หัวหน้างานสุขภาพและอนามัยโรงเรียนสิริรัตนาธร อธิบายว่า กิจกรรมนี้เราต้องการดึงนักเรียนที่เป็นผู้นำของการปฐมพยาบาลเพื่อมาฝึกให้ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ และเด็กสมัครใจเข้าอบรม จริงๆเด็กสนใจมากกว่านี้ แต่เรารับได้แค่50คน ซึ่งผ่านพ้นไป3วัน บรรยากาศเป็นไปด้วยความสนุกสนาน เด็กสนใจเรียนรู้ และชอบฐานCPRเป็นอย่างมาก พอตกกลางคืนเด็กนำความรู้ที่เรียนมา มาสร้างเหตุการณ์สมมติ พร้อมทดสอบปฏิบัติ เขาได้รับความรู้จากวิทยากรมากมาย จึงเป็นไปตามวัถุประสงค์และได้ผลอย่างที่น่าพอใจ ซึ่งต้องขอบคุณโรงพยาบาลราชวิถี สมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย และวิทยากร ทีมงานทุกคน
นายณัฐกฤต พรพิสุทธิ์ อายุ 17 ปี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หนึ่งในนักเรียนอาสาพยาบาล โรงเรียนสิริรัตนาธร บอกว่า การได้ช่วยเหลือคนอื่นเป็นความสุขอย่างหนึ่ง เพราะโดยส่วนตัวแล้วอยากเป็นแพทย์อาสาช่วยเหลือผู้อื่นในพื้นที่ห่างไกลจึงคิดว่าการได้มาเรียนรู้ในครั้งนี้จะเป็นแนวทางในการตัดสินใจเลือกเรียนแพทย์ตามที่ตั้งใจไว้จึงได้ชวนเพื่อนๆสมัครเข้ารับการอบรบในครั้งนี้ นอกจากนี้บรรยากาศในการเข้าค่ายยังทำให้นึกถึงค่ายลูกเสือสมัยเด็กทุกคนมีความสามัคคีกัน มีวินัย ช่วยเหลือกันและกันรู้สึกประทับใจมาก
ด้าน นางสาวภาณินลักษณ์ ฆนาศัยอนันต์ อายุ 16 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่5 โรงเรียนสิริรันาธร บอกว่า ที่บ้านมีผู้สูงอายุที่ต้องดูแล การมาเข้าค่ายอบรมนักเรียนอาสาพยาบาลจะช่วยให้มีความรู้นำไปช่วยเหลือท่านได้ รวมถึงการดูแลตัวเองไม่ให้เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ นอกจากนี้ยังได้เพื่อนใหม่ๆรู้จักการอยู่ร่วมกับคนอื่น แม้บางกิจกรรมจะเหนื่อยบ้าง แต่ทุกคนก็เต็มที่ เพราะเราไม่เคยรู้มาก่อนว่าการอาสาพยาบาลทำอะไรบ้าง แต่พอมาอบรมจึงได้รู้ว่าการช่วยเหลือคนมันเหนื่อยมากทุกขั้นตอนต้องมีสติ แต่ก็ภูมิใจที่ทำได้
นพ.ไพโรจน์ เครือกาญจนา
ด้าน นพ.ไพโรจน์ เครือกาญจนา หัวหน้ากลุ่มงานเวชศาสตร์ฉุกเฉิน รพ.ราชวิถี กล่าวว่า การจัดโครงการฯนี้เกิดจากความร่วมมือของโรงเรียนและเครือข่ายทีเกี่ยวข้องที่อยากปลูกฝังให้เด็กรู้จักดูแล ป้องกันตัวเองและช่วยเหลือคนอื่นจากภาวะเจ็บป่วยฉุกเฉินได้อย่างถูกต้อง โดยการอบรมผ้นำอาสาพยาบาลในครั้งนี้เป็นการเปิดรับสมัครนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1-5 ที่มีความสนใจเข้าร่วมอบรม ซึ่งมีเด็กให้ความสนใจสมัครจำนวน57คน แต่เข้าอบรมได้ 48 คน ซึ่งทางสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทยสนับสนุนวิทยากรมาให้ความรู้ ทั้งนี้เด็กที่เข้าอบรมจะได้เรียนรู้ในการป้องกันตนเองจากโรคภัยต่างๆการช่วยเหลือตัวเองและผู้อื่นในภาวะเจ็บป่วยฉุกเฉิน และการประสานขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานรัฐอย่างมีสติ
"เด็กทั้ง 48 คนนี้ถือว่าเป็นตัวแทนของนักเรียนอาสาพยาบาลที่จะสามารถช่วยตัวเองและผู้อื่นในภาวะเจ็บป่วยฉุกเฉินได้จะมีการขยายผลต่อไปในโรงเรียนอื่นๆโดยจะพัฒนารูปแบบการสอนให้เหมาะกับวัยให้เด็กสามารถประเมินความเสี่ยงของของโรคได้ด้วยตัวเองก่อนให้ความช่วยเหลือ และจากการปะเมินเด็กที่เข้ารับการอบรมในครั้งนี้ พบว่า มีความสนใจและให้ความร่วมมือในทุกกิจกรรมเป็นอย่างดี โดยจะเห็นว่าเด็กหลายคนสาธิตการปฐมพยาบาลช่วยเหลือตัวเองและคนอื่นได้อย่างถูกต้อง" นพ.ไพโรจน์ กล่าว
สำหรับการจัดค่ายในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5แล้ว หลังจากนี้จะมีการรวบรวมจัดทำเป็นหลักสูตรการเรียนการสอนในโรงเรียนต่อไปเพื่อให้เด็กนำไปใช้ช่วยเหลือตัวเองและผู้ปกครอง ทั้งนี้โครงการฝึกอบรมผู้นำนักเรียนอาสาพยาบาลในครั้งนี้เป็นการจุดประกายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องปลูกฝังให้นักเรียนได้เรียนรู้การช่วยเหลือผู้อื่นเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะภาวะเจ็บป่วยฉุกเฉินสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศ ทุกวัย และทุกเวลา
- 115 views